Saturday, December 9, 2023

Kitchen for single

วันนี้มาแนะนำซีรีย์สั้นๆ  Kitchen for single ค่ะ 
มี 12 ตอน ตอนละ 8-9 นาที 


เป็นเรื่องราวของสาวน้อยคนนึงที่อาศัยในห้องพักขนาดเล็ก ที่มีครัวเล็กๆในนั้น แต่ละวันที่เธอกลับมาบ้าน เธอจะเล่าให้เราฟังว่าเจออะไรมา และทำอาหารเยียวยาจิตใจ 

อาหารของเธอจะเป็นอาหารง่ายๆ เบาๆ ไม่ยุ่งยาก ใช้เวลาไม่นาน 

 





ปูชอบที่ในแต่ละตอนจะมีประโยคเรียบง่ายที่ช่วยให้เราได้ฉุกคิด หลังจากที่เคยหลงลืมไปแล้ว 





สิ่งหนึ่งที่ชอบมากคือของประกอบฉาก ปูมีความรู้สึกว่า ถ้าเป็นซีรีย์ญี่ปุ่น เขาจะเก็บดีเทลได้สมจริงกว่าประเทศอื่นๆ มันเลยดูเรียล สัมผัสได้ ทำให้เปิดใจในการเข้าถึงคาแรคเตอร์ของตัวละครนั้นๆ  เพราะฉะนั้นเวลาดูหนังหรือละคร ปูจะชอบดูรายละเอียดพวกนี้มาก ถ้ามีเรื่องไหนที่ไม่สมจริงความนิยมจะลดลงจนไม่เก็บมาใส่ใจ แต่ถ้าเรื่องไหนใส่ใจมากพอ ไม่ต้องมีเนื้อหาที่กระชากอารมณ์ก็สามารถดึงดูดให้ดูจนจบได้ อ้อ เพลงประกอบอีกอย่างหนึ่ง 



หลังทานอาหารเสร็จเธอจะเขียนบันทึกเมนูอาหารที่เธอทำในวันนั้น และสรุปการตกผลึกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น





ยังคงชอบความญี่ปุ่นตรงที่ เขาเป็นคนมีดีเทลในการจัดห้องถึงแม้จะมีพื้นที่เล็กแค่ไหนก็ตาม ช่วงหนึ่งตามเพจหนึ่งซึ่งจำชื่อไม่ได้ เขาจะไปสัมภาษณ์มนุษย์ญี่ปุ่นและขอเข้าไปสำรวจห้อง พอว่าทุกห้องที่นำมาลงมีการดีไซน์ + ฟังชั่นแนล ต่อให้ห้องมีขนาดเล็กมากหรือต่อให้เป็นผู้ชายก็จะมีดีเทลในแบบผู้ชาย 



ครั้งหนึ่งกระแสมินิมอลมาแรงมาก ปูก็ชอบในสไตล์นั้น พยายามให้คลีนและน้อยที่สุด แต่ได้ไม่นานก็ต้องกลับมาเยอะเหมือนเดิม เพราะตัวตนไม่ใช่คนน้อยแบบนั้น เป็นคนเยอะ เป็นคนมีดีเทล -..-





ท้ายอีพี จะมีการลงสูตรให้ด้วยนะคะ คนชอบทำอาหาร คนชอบลองชิมอาหาร สามารถทำตามได้ง่ายๆเลยค่ะ



ชอบโทนสีของเรื่องค่ะ โทนอบอุ่น ดูแล้วเลยอบอุ่นไปด้วย 


ซีรีย์ทำเรื่องการอยู่คนเดียวออกมาได้ดี น้องนางเอกค่อนข้างเป็นคนเก็บตัวหรืออินโทรเวิร์ทพอสมควร เลยค่อนข้างตรงจริตปู  มีบางตอนที่ก็รู้สึกว่าเป็นปู แต่ติดตรงที่ยังไม่สามารถตกผลึกเร็วได้เท่าน้อง

เคยคิดนะคะว่า อยากมีแฟน เพราะอยากทำอาหารให้เขาทาน การทำอาหารให้ใครสักคนทานปูว่ามันเติมเต็มให้กับคนชอบทำอาหารนะคะ เวลามีสูตรอาหารใหม่ๆ จะชอบตื่นเต้น เลยอยากให้มีคนมาตื่นเต้นด้วย อาจจะอร่อยหรือไม่อร่อยก็ค่อยๆปรับกันไปจนกว่าจะลงตัว ถูกปากเราสองคน  

"เพราะอาหารคือหลักฐานของความรัก"   บอกรักผ่านอาหารอาจจะเป็นวิธีที่เหมาะกับคนบอกรักไม่เก่งอย่างปู 



แปะลิงค์ให้ค่ะ เผื่ออยากตามไปดูกัน



ดูไปอุ่นใจไปเหมือน Little forest ค่ะ 
ชอบ เลยอยากชวนมาดู





Sunday, December 3, 2023

โอ้ละหนอแฟนเก่า


 ถ้าเธอบอกว่าวันนี้มันสายไป
จะยอมรับความเจ็บ และจะเก็บเธอไว้ในใจ..

Wednesday, November 29, 2023

Soft Power

 หลังการตั้งรัฐบาล เราก็คาดหวังมาเรื่อยๆเนืองๆว่า การเมืองไทยจะดีขึ้นสักที อย่างน้อยการเลือกตั้งตามหลักประชาธิปไตยก็ทำให้เราด่ากันน้อยลง 

แต่ที่ผ่านมาเรารู้สึกได้ว่า นักการเมืองและคนที่ได้รับเลือกเข้ามาในการทำหน้าที่เหล่านี้ ยังคงไม่ได้ใส่ใจในการบริหารประเทศอย่างจริงจัง หลายสิ่งหลายอย่างยังคงได้แต่ส่ายหน้า ระอากันไป เอาน่า เขาเพิ่งเริ่ม รอดูอีกสักพักน่าจะเห็นการเปลี่ยนแปลง ภาวนาให้เป็นอย่างนั้น

เริ่มที่จับต้องได้ก่อน ที่ยังเป็นนโยบายและยังไม่ได้ประกาศใช้ เราจะยังไม่บ่นในตอนนี้ 

Soft Power  
จริงๆแล้วไทยมีศักยภาพในการส่งเสริม Soft power มากๆ มานานหลายสิบปี ไม่ว่าจะเป็นอาหาร แหล่งท่องเที่ยว ศิลปะ วิถีชีวิต เพลง หนัง  หรือแม้แต่ผู้คน แต่เหมือนไม่ได้รับการสนับสนุนจริงจัง เราจะเห็นแค่โฆษณาแล้วจบไป นานๆเห็นทีด้วยนะ แต่ Soft power ไทยที่เข้มแข็งมากตอนนี้คือมาจากยูทูบเบอร์ต่างชาติที่เขารีวิวเมืองไทยได้น่ารัก และนั่นยังทำให้ไทยยังเป็นเมืองท่องเที่ยวที่ใครต่อใครอยากมา อย่างที่เคยบ่นบนเฟสว่า เพราะผู้ใหญ่ไม่เข้าใจคำว่า Soft power ดีพอ เลยให้การทำงานออกมามันประดักประเดื่อง นโยบายเลยออกมาเป็น Hard power ไปโดยปริยาย เช่น การออกแบบเกงช้างลายประจำจังหวัด นั่นมัน OTOP นะ ใครสอนให้ใช้เรียก Soft power กัน 

จริงๆ Soft power มันไม่ได้ง่ายแต่ก็ไม่ยาก ถ้ารัฐจะให้การสนับสนุนจริงๆ ดูงานได้จากเกาหลี จากประเทศที่ไม่มีอะไร มาถึงตอนนี้เขาสถาปนาตัวเองเป็นจ้าวต่างๆไปเรียบร้อยแล้วนะ จ้าวแห่ง Entertainment, จ้าวแห่งผักดอง, จ้าวแห่งผักห่อ, จ้าวแห่งหมูสามชั้น ฯลฯ แล้วคือการเคลมของเขาก็ไม่อาจโต้แย้งได้ เพราะเขาทำให้เห็นอย่างนั้นจริงๆ  ซึ่งการที่จะมาถึงจุดนี้ได้ คนเขาก็สู้ รัฐเขาก็สนับสนุน ถ้ายังจำกันได้ในยุค 90 ทางเกาหลียังส่งทีมงานมาดูงานเพลง แฟชั่นของไทยอยู่เลย แล้ว 30 ปีให้หลังเขานำหน้าไทยไปเยอะมาก และกลายเป็นไทยที่วิ่งตามเขา ในช่วงต้นๆของวงการ k pop เขาไม่อายที่จะก๊อปปี้คนอื่น แต่เขายังคงมั่นใจและพัฒนามาจนเป็นทุกวันนี้ ถ้าให้วิเคราะห์กัน ในความคิดเห้นของเรา เราว่าไทยยังคงไม่เชื่อในตัวเองมากพอ ไทยมักมองว่าสิ่งที่ตัวเองมี ตัวเองเป็นมันล้าหลัง และมักวิ่งหาสิ่งที่ตัวเองคิดว่าเจ๋ง เลยทำให้เราติดนิสัยวิ่งตามหลังคนอื่น 

เหมือนวัฒนธรรมอิสาน ที่ต่อสู้กับการดูถูกเหยียดยาม ความบ้านนอก ถูกผลักเป็นพลเมืองชั้นรากหญ้ามาตลอดกาล แต่เมื่อ 10 -15 ปีมานี้ ด้วยความเป็นหนึ่งของชาวอิสานด้วยกัน ความสนุก ความไม่อายที่จะเป็นคนอิสานทำให้ความเป็นอิสานเข้มแข็งขึ้น อย่านะ เมื่อก่อนนี่ใครกินส้มตำปลาร้านี่ถูกสาปมาก พูดอีสานในพื้นที่สาธารณะยังถูกเดินหนี ถูกผลักออกจากกลุ่มหรือเป็นตัวตลก ก็เคยมาแล้ว  การต่อสู้นี้สิ้นสุดลงและเห็นภาพได้ง่ายจากหนังจักรวาลไทบ้าน ที่คนทุกภาคพร้อมตบเท้าเข้าโรงดู ไม่ได้นึกรังเกียจโดยเฉกเช่นสมัยก่อน แล้วนายกก็มาเคลมเอา Soft power ง่ายๆ ด้วยการใส่ชุดไทยเข้าไปดู เดี๋ยววววววววววว ....กรอกตาบนแป๊ป 

ประเทศจีน เรารู้กันอยู่แล้วว่าเป็นแหล่งผลิตสินค้าคุณภาพต่ำของโลก แต่ทำไมยังขายได้ และขายดี เทศกาล 11.11 นี้คือช่วงที่เงินไหลเข้าประเทศอย่างมหาศาล เพราะรัฐบาลจีนเขามองเห็นศักยภาพในการหาเงินไงล่ะ จะมีใครสักกี่คนที่รู้บ้างว่า รัฐบาลจีน สนับสนุนการส่งออกโดยการเป็นฝ่ายรับผิดชอบค่าขนส่ง โดยให้พ่อค้าแม่ค้ารับผิดชอบในการผลิตและจ่ายภาษี การจัดส่งจากจีนมาไทยกินระยะเวลาไม่ถึงสัปดาห์ ค่าขนส่งที่แสนถูก รวดเร็ว กับของที่ราคาไม่แพง ปัจจัยหลักเพียงเท่านี้ตลาดจีนก็ตีตลาดไทยได้วอดวาย โดยรัฐบาลไทยได้แต่นิ่งเฉย  เมืองไทยเป็นเมืองที่มีสินค้ามีคุณภาพขึ้นชื่อของโลก แต่ถ้ารัฐยังไม่ให้ความสำคัญกับ SMEs ปล่อยให้ผู้ประกอบการสู้กันเองแบบนี้ ก็อดเสียดายเงินที่จะเข้าประเทศไม่ได้ 

บางทีคำว่า Soft Power ก็ไม่ใช่แต่พูดๆกัน อาจต้องเข้าใจและดำเนินการให้ถูกวิธีด้วย Soft power สร้างขึ้นได้ ถ้าร่วมมือกันระวังภาครัฐและเอกชน  ส่งเสริมกันไป อยากเห็นคนต่างชาติเดินทางมากิน ส้มตำ ลาบ ก้อย แกงเหลือ ไส้อั่ว อยากเห็นไทยสถาปนาเป็นจ้าวแห่งการตำ, จ้างแห่งการแกง, จ้าวแห่งผัดเผ็ดร้อน บ้าง 

Soft power คือพลังกระตุ้นทางความรู้สึก เห็นแล้วหิว เห็นแล้วอยากใส่ เห็นแล้วอยากไป ซึ่งมันไม่ควรกระตุ้นแค่ต่างชาติ คนไทยก็ต้องการการถูกกระตุ้นเช่นกัน 

ตอนนี้หน่วยงานที่ทำหน้าที่ Soft power อย่างเข้มแข็งและสุดความสามารถคือเมียไทยในต่างแดน ผู้ที่นำวัฒนธรรมการกิน ประเพณี ไปเผยแพร่จนสามีและคนรอบตัวสามี เครซี่ไทยเป็นทิวแถว เนี่ย ชื่นชม


บ่นเรื่องอื่นบ้างหลังจากว้าวุ่นเรื่องตัวเองมาระยะนึง 

เดี๋ยวจะบ่นเรื่องการศึกษาไทย   


Friday, November 24, 2023

Freedom

 Attack on titan

จบแล้วววว มหากาพย์ยาวนาน 10 ปี สำหรับอะนิเมะเรื่องนี้ จำได้ว่าโอบุเป็นคนซื้อการ์ตูนเรื่องนี้ให้  (เล่ม 1)ยัดเยียดปนบังคับให้อ่าน เออ อ่านแล้วก็ติดจริงๆ 


จนกระทั่งฉายเป็นอะนิเมะแล้วก็เป็นแฟนเหนียวหนึบ ติดตามมาจนถึงตอนสุดท้ายเมื่อต้นเดือนพฤศจิกา ตอนจบนี้อึนใจมากจนรอให้ตกกระกอนก่อนค่อยเขียนถึง

เป็นเรื่องที่รักมาก อาจเพราะผูกพันธ์มากัน 10 ปีมั๊ง
และเฝ้ารอให้มีค่ายสักค่ายทำ 20th century Boy บ้าง อยากดูในเวอร์ชั่นอะนิเมะแบบนี้ 

.................................................

เมื่อมนุษย์กลุ่มสุดท้ายของโลกถูกขังในกำแพงหนาสูงเพื่อหนีจากพวกไททัน ยักษ์กินคนข้างนอก อยู่ภายในก็สงบสุขดีแต่ใจมันยังเจตจำนงค์อิสระที่อยากรู้ว่าโลกภายนอกนั้นยิ่งใหญ่เพียงไร จึงได้มีหน่วยสำรวจเกิดขึ้น ซึ่งในทุกการสำรวจแต่ละครั้งจะมีคนรอดกลับมาเพียง 1/3 เสมอ เกิดคำก่นด่า เกิดคำครหามากมายจากชาวเมืองที่เสียภาษี แต่ในเมื่อยังมีความหวังจึงไม่มีทางที่จะล้มเลิกง่ายๆ

จนกระทั่งกำแพงเมืองที่ว่าแข็งแกร่งได้ถูกทำลายโดยไททันมหึมา ความตื่นกลัวและการตื่นตัวทำให้หน่วยสำรวจมีความหมายมากขึ้น และมีความหมายขึ้นไปอีกเมื่อเอเรน เด็กหนุ่มในกลุ่มสำรวจเป็นไททันเสียเอง 

มนุษย์และความอยากรู้เป็นของคู่กัน ทั้งมนุษย์ในเรื่องและมนุษย์คนดูอย่างเรา ความสงสัยของการกำเนิดไททัน  การกำจัดไททัน โลกภายนอก ทะเล หิมะ อิสระบนฟากฟ้า  อิสระแห่งการใช้ชีวิตมันช่างยิ่งใหญ่ แต่การถูกจำกัดภายในกำแพงเพราะความเชื่อที่ว่าภายนอกอันตรายมันไม่พอ การปฏิวัติความเชื่อจึงเกิดขึ้น 


ส่วนที่ 1 เอเรน มิคาสะ อาร์มิน เป็นเพื่อนเล่นกันมาแต่เด็ก โดยมีเอเรนเป็นหัวโจก มิคาสะเด็กสาวจอมพลังเป็นมือขวา และมีอาร์มินผู้ปราดเปรื่องเป็นคู่หู ทั้ง 3 คนอาศัยอยู่ในเขตที่ 1 จนกระทั่งกำแพงได้ถูกทำลาย การสูญเสียบิดา มารดา ครอบครัวทำให้ทั้ง 3 เข้าร่วมกลุ่มสำรวจนอกกำแพงด้วยจุดประสงค์ต่างกัน เอเรนต้องการทำลายไททันทุกตัวบนโลกนี้เพราะไททันกินแม่เขา มิคาสะต้องการติดตามเอเรนที่เป็นครอบครัวหนึ่งเดียว ส่วนอาร์มินนอกจากติดตามเพื่อนรักทั้งสองแล้วยังต้องการเห็นทะเลสักครั้ง

ในส่วนที่หนึ่งนี้ เราจะรู้จักไททันผ่านสายตาชาวเมืองเอลเดีย เห็นการฝึกซ้อม การตั้งรับ การสูญเสีย ความเชื่อ ความเห็นแก่ตัว การบ้าอำนาจ การเมืองที่เข้มข้น ซึ่งพอดูแล้วก็ร้องเอ๊ะขึ้นเป็นระยะๆ เพราะเหมือนที่ตนประสบอยู่ในทุกวัน เมื่อจู่ๆเอเรนกลายเป็นไททันไม่รู้ตัว แต่เป็นไททันบรรพบุรุษที่ช่วยให้เมืองรอดพ้นอันตราย เอาล่ะ การแก้ปริศนาไททันเอเรนได้เกิดขึ้น ภารกิจบุกห้องทำงานใต้ดินของพ่อเอเรนที่เป็นหมอสำเร็จ เราได้รู้ความลับอีกด้านหนึ่ง 

ส่วนที่ 2  “จากนั้นการสร้างจักรวรรดิเอลเดียเริ่มต้นขึ้น เอลเดียบุกทำลายมาเลย์จนสามารถยึดครองดินแดนได้สำเร็จ นั่นเป็นจุดเริ่มต้นของยุคมืด ร่างแยกที่ได้รับพลังไททันรุกรานเผ่าพันธุ์อื่นๆ ที่ด้อยกว่าและเริ่มกดขี่พวกเขา ขโมยที่ดิน ทรัพย์สิน กำจัดประชากรทิ้ง บังคับให้เผ่าพันธุ์อื่นคลอดลูกเพื่อเพิ่มจำนวนผู้สืบทอดพลังไททัน จนกระทั่งชาวมาเลย์ได้ออกอุบายทำลายจากภายใน อีกทั้งยังสามารถควบคุมพลังไททัน 7 ใน 9 จนเอาชนะสงครามไททันได้สำเร็จ กษัตริย์ฟริทซ์จึงอพยพชาวเอลเดียไปยังเกาะสวรรค์แล้วสร้างกำแพงสามชั้นให้ผู้คนอาศัยอยู่ในนั้น”

นี่คือเรื่องเล่าชาวแผ่นดินใหญ่ที่ชื่อมาเรย์เล่าให้ลูกหลานฟังสืบมา ชาวเอลเดียส่วนหนึ่งที่อาศัยในเมืองมาเรย์เป็นพลเมืองชั้นสอง ถูกดูถูก เดียดฉันท์ อย่างรุนแรงชนิดที่ไม่คาดคิดว่านุษย์จะทำกันได้ ทำให้ชาวเอลเดียต้องถีบตัวเองขึ้นมาให้เท่าเทียมกับชาวเมืองอื่นโดยการเข้าร่วมรบและเป็นไททัน โดยในการเป็นไททันนั้นครอบครัวจะได้รับเกียรติและถูกปฏิบัติเป็นอย่างดี โดยชาวเอลเดียก็แบ่งเป็น 2 พวก พวกแรกคือคนที่ขึ้นตรงกับชาวมาเรย์ พวกที่ 2 คือคนที่ต้องการฟื้นฟูกำลังชาวเอลเดียกลับมา ซึ่งในส่วนที่ 2 นี้เราจะเห็นการทรยศ หักหลัง ผลพวงของ Propaganda ที่นำไปสู่การเกลียดชัง 

ส่วนที่ 3   เมื่อเอเรนรับรู้ถึงชาติกำเนิด ความเกลียดชังที่ชาวเอลเดียถูกกระทำ ความรักที่มีต่อพวกพ้องที่ร่วมเป็นร่วมตาย เขาต้องการจบปัญหา จึงทำให้เขาตัดสินใจที่จะทำสงครามกับคนทั้งโลก

.......................................................

AOT นี้เป็นอะนิเมะที่แฟนซี ผสานกับเรื่องราวประวัติศาสตร์มนุษย์ได้อย่างแยบคาย ความบ้าครั้งในอำนาจ การแบ่งชนชั้น ความเชื่อ การเมือง การกดขี่ และการปลดปล่อย เอาละในเมื่อมันไม่ใช่อะนิเมะไทยเราก็ต้องยอมรับว่าการเมืองที่แสนสกปรกนั้นมีทุกประเทศ 

สิ่งที่ทำให้เรารักและผูกพันธ์ตัวละครมากคือการที่อาจารย์ ฮาจิเมะ ลำดับเรื่องราวให้เรารู้จักตัวละครและใส่ใจในรายละเอียด ผูกเรื่องราวชนิดที่เมื่อย้อนกลับมานั่งดูอีกครั้งก็ร้อง ว้าว  การตัดสินใจของตัวละคร บทบาทความรับผิดชอบ ความสมจริงในการตัดสินใจนั้นๆ การได้นั่งดูเด็กกลุ่มหนึ่งผ่านเรื่องราวร้ายๆ เติบโตเหลือรอดมาจนโลกสงบสุขก็อดปลื้มใจไม่ได้ ค่ะ ใครอยากเป็นแม่ยก Blackpink BTS ก็เป็นไป นี่แม่ยกกลุ่มสำรวจ   ทุกตัวละครมีสีเทาแต่จุดประสงค์คือเพื่อเผ่าพันธุ์ตัวเอง นั่นทำให้บางตัวละครรักไม่ได้แต่ก็เกลียดไม่ลง 

ยกเครดิตให้ MAPPA สตูดิโอผู้สร้าง 2 มิติออกมาเป็น 3 มิติ และทำอออกมาได้ดีด้วย ใครที่เคยคิดว่าอะนิเมะมันเด็กๆ ขอให้ดูฉากเปิดตัวโหนตัวโรยตัวต่อสู้กับไททันในภาคแรกก่อน แล้วการดูอะนิเมะจะเปลี่ยนไปตลอดกาล (นับจากฉากนี้ออกไปกลายเป็นว่าอะนิเมะค่ายอื่นๆก็ใส่พลังกันเต็มที่ไปเลย)  ทางค่ายทำงานเต็มที่และอย่างดีมาก กราบงาม ถึงแม่ตอนนี้มีข่าวว่าเอาเปรียบพนักงานก็เถอะ 555+

................................................

ในเรื่อง เราเฝ้าสงสัยมาตลอดว่าเอเรนรักมิคาสะบ้างไหม เพราะมิคาสะนี่คลั่งรักเอเรนทุกลมหายใจ จนกระทั่งตอนจบนี่แหล่ะที่เอเรนคุยกับอาร์มินในสายธารความทรงจำ ถึงทำให้รู้ว่ารักมาก รักมาตลอด หวงมากด้วย แต่แสดงออกไม่ได้เพราะจะผิดแผน ทำได้แต่นิ่งใส่ งืออออออออออออออ อยากให้พูดให้มิคาสะได้ยินสักครั้ง




อีกตัวละครที่ชอบมาก แพ้ทางมากคือ เออร์วิน สมิธ หัวหน้ากองสำรวจฝีมือเทพ รักพวกพ้อง เข้มขรึม ฉลาด มีความรับผิดชอบ และมีเป้าหมาย แพ้มาก แพ้จริง ฟีลแด๊ดดี้ใจดี เออ ทำไมแพ้ผู้ชายอย่างนี้ก็ไม่รู้


อีกคนที่ละสายตาไม่ได้คือรีไว (สำอร) นี่เอง ด้วยสายเลือดแอคเคอร์แมน ทำให้เก่งเกินมนุษย์มนา บุคลิกเข้มขรึม ปากดี ท้าตีทุกคน แต่บูชาเออร์วิน มีชีวิตอยู่เพราะคำสัญญาที่ให้กับเออร์วินว่าจะแก้ไขปริศนาไททันให้ได้ เป็นคนที่เด็กหมั่นไส้และรักในเวลาเดียวกัน ทำไมสร้างตัวละครได้มีเสน่ห์ขนาดนี้ก็ไม่รู้ 


 จริงๆชอบหลายตัวละครเลยแต่ชอบสุดคือเออร์วิน ชอบตัวละครชายที่พอโตเป็นผู้ใหญ่ก็มีซิกแพคทุกคน เอ็นดู

เอาไว้ใจดีๆ จะดูอีกรอบ ตอนจบนี่ทำป้าช้ำใจมากไป 

Monday, November 20, 2023

Home Again


 

Gouche painting

เพิ่งได้สี Gouche มาใหม่ค่ะ กำลังหัดเล่น จริงๆเลยเรียนมาบ้างแล้วไม่ถูกจริต ชอบสีน้ำ สีอะคลิลิค สีน้ำมันมากกว่า แต่จู่ๆก็นึกอยากวาดขึ้นมาเลยสั่งมาลองเล่นดู 

สี Gouche หรือสีโปสเตอร์  ( อังกฤษเรียก poster colors / ฝรั่งเศส เรียก Gouche) เป็นสีน้ำทึบแสง ดังนั้นการวาดจะเป็นแบบระนาบเดียว คือการทาสีทับไปทีละชั้นๆ จะไม่สามารถเบลนด์ได้อย่างสีน้ำหรือสีน้ำมัน 

ความเคยชิน เราก็จับเบลนด์ใหญ่เลย จนต้องหยิกตัวเองเป็นระยะๆว่า เฮ้ย นี่คือสีกวชนะ มีสติหน่อยยยย 

สีกวชก็มีเสน่ห์แบบน่ารักๆ ตรงไปตรงมา ไม่ซับซ้อน  เลยอยากเอามาลองเล่นดูสักที ชอบ texture ด้วย มันดูไม่ Perfect 


วาดเพื่อประกอบการขายเข็มกลัดใน Poochi Something

ส่วนข้างล่างนี้เราดึงภาพมาจาก Pinterest เอาไว้ใช้เป็นเรฟในการวาด จะได้ไม่ลืมตัวอีก









น่ารักเนาะ

.................................................................................................................................

โปรเจคตอนนี้
- ออกแบบลายผ้า
-ออกแบบลายปฏิทินผ้า (ช้าไปแล้ว)
-ออกแบบโปสการ์ด

โดยใช้สีกวชนี่แหล่ะ คอลเลคชั่นถัดไปค่อยกลับไปใช้เทคนิคอื่น เรายังคงชอบวาดมือมากกว่าใช้โปรแกรมวาดรูป ยังคงชอบความไม่สมบูรณ์แบบของสี  

ตอนนี้ .AI เข้ามามีบทบาทในการออกแบบมากขึ้น เราก็ได้แต่บอกน้องไปว่า ท้ายที่สุดแล้วความกลมกล่อมของศิลปินคือจุดแข็งที่ .AI สู้ไม่ได้ วาดต่อไปเถอะ ฝึกต่อไป อย่าได้หยุด มันก็เหมือนเราฟังเพลงจากโปรแกรมแต่งเพลงกับใช้เครื่องดนตรี ยิ่งกับนักดนตรีที่มืออาชีพ ความละมุนหูก็ต่างกัน  เหมือนน้ำแกงจากซุปก้อนสำเร็จรูปกับการใช้ไฟเคี่ยวอ่อนๆ ความละมุนลิ้นก็ต่างกัน เข้าใจตรงนี้ก็ไม่มีอะไรต้องกลัว 

เพราะสุดท้ายแล้วก็อยู่ที่คนเสพงาน ว่าเขาต้องการเสพแบบผิวเผินหรือความสุนทรีย์  ก็อยู่ที่เขาเลือกเท่านั้นเอง



  


Sunday, November 5, 2023

อนุญาตให้ตัวเองรู้สึก

เมื่อวันก่อนไปทานข้าวกับพี่โน๊ตมา หลังจากไม่เจอหน้ากัน 3-4 ปี ปรับสารทุกข์สุขดิบกันตามประสา ช่วงหนึ่งเราคุยกันถึงเรื่องความรู้สึกแย่ๆ และเราสับสนว่าเราควรรู้สึกอย่างนี้จริงเหรอ พี่โน๊ตพยักหน้าเหมือนเข้าใจในสิ่งที่เรารู้สึก และพูดขึ้นมาว่า  จงอนุญาตให้ตัวเองรู้สึก เมื่อรู้ตัวว่ารู้สึกอย่างไรแล้ว มันจะจัดการความรู้สึกนั้นได้เอง เหมือนรู้เท่าทันตน

อนุญาตให้ตัวเองรู้สึก ?!?

จริงๆเราได้ยินคำๆนี้มานานมากแล้ว จากจิตแพทย์และฮาวทูต่างๆ เราเข้าใจมาตลอดแต่เหมือนหลงลืมว่าเราสามารถอนุญาตให้ตนเองรู้สึกได้ ไม่ว่าจะรู้สึกโกรธตนที่เรารัก รู้สึกเกลียดคนที่เราเคารพ รู้สึกชังน้ำหน้าคนที่เราหวังดีหรือหวังดีกับเรา รู้สึกผิดในสิ่งที่เราทำลงไป รู้สึกเหนื่อย รู้สึกว้าเหว่ รู้สึกด้อยค่า รู้สึกรักในคนที่ไม่สมควรจะรัก

ไม่ว่าจะรู้สึกอย่างไรอย่าไปผลักดัน กดทับ หรืออับอายที่จะปล่อยใจไปตามความรู้สึก เพียงแต่ต้องมีสติและจัดการกับมันให้ได้  อย่างน้อยเราโชคดีที่เรารู้ตัวว่า ณ เวลานี้เรารู้สึกอย่างไร เหมือนการปลดปล่อยตัวเอง ล่องลอยมัวเมาให้เต็มที่ดีกว่าการหลอกตัวเองว่าไม่เป็นไร
.................
ซื้อสี goach color มาลองใช้ดู ฟีลสีโปสเตอร์  เพราะชอบความทึบแสงและสองมิติ แต่วาดไปไม่กี่ภาพก็ยังไม่ได้แตะอีกเลย ช่วงนี้มีอะไรต้องจัดการหลายอย่าง การสร้างธุรกิจเพียงคนเดียวไม่ง่ายเลยจริงๆ 

รอมาตลอดหน้าฝนให้ถึงหน้าหนาวเร็ววัน แต่พอเข้าหน้าหนาวจริงๆกลับคิดถึงหน้าฝนเสียอย่างนั่น อากาศร้อนชื้น ไอร้อนแผดเผา ใบไม้แห้ง ต้นผักสลัดขาดนำ้ทำให้รสชาติขมปี๋  

อยากตัดใครสักคนแต่เหมือนเวรกรรมที่ต้องคอยคิดถึงเขาอยู่ร่ำไป แต่อนุญาตให้ตนเองรู้สึก เพราะหมอดูบอกว่าเดือนพฤศจิกายนจะมีใครสักคนเข้ามา ไม่ว่าจะเก่าหรือใหม่เขาคนนั้นจะคอยซัพพอร์ทเราในทางที่ดี จะเป็นความรักที่ดี ❤️ อะ รอ
......................
ท้ายที่สุดแล้ว การปล่อยใจสู่เสรีให้ตนเองรู้สึกอะไรก็ได้ มันคือการปลดปล่อยพันธนาการทางความรู้สึก ไม่รั้ง ไม่กดทับ ไม่แบกรับ ไม่เหนื่อยเสแสร้งว่าไม่เป็นไร จงรู้สึกอย่างที่ใจรู้สึก รู้สึกเพื่อตัวเอง รู้สึกเพื่อคนอื่น รู้สึกเพื่อที่ตัวเองในวันนี้จะก้าวข้ามตัวเองในอดีตเพื่อไปหาตัวเองในเวอร์ชั่นที่ดีกว่าในอนาคต 

ทิ้งตัวเองในเวอร์ชั่นอิโก้จัด กลัวเสียหน้า กลัวด้อยค่า กลัวคนอื่นดูถูกทิ้งไป อนุญาตให้ตัวเองลูสเซอร์ เพราะเราในเวอร์ชั่นอัพเกรดจะเป็นรุ่นพิเศษลิมิเต็ดแน่นอน 

หวังว่าตัวเองจะรู้จักปล่อยวางในสักวัน


Tuesday, October 24, 2023

NIDHRA

ปลุกปล้ำกันมาพักใหญ่ๆ กว่าจะเป็นรูปเป็นร่างก็หลายเดือน เย้!! 
หลังจากนี้คงยุ่งไปอีกสักพักเลย การทำอะไรคนเดียวนี้วุ่นวายดีแฮะ ต้องคอยจด คอยเชคกันลืม 

สวมบทเป็นดีไซเนอร์ จัดซื้อจัดหา บัญชี ผลิต กราฟฟิค เซล์ โลจิสติกส์ สตอค ตอนที่ทำงานตำแหน่งเดียวว่ายากแล้ว ตอนนี้ยากกว่าหลายเท่า แต่มันโอเคตรงที่มันเป็นของเรา เราเลยยุ่งไปยิ้มไป 😊


ตอนนี้อยู่ระหว่างรอการผลิต  ตอนนี้ได้ต้นแบบมาถ่ายรูปทำแอดก่อน 

หลายคนสงสัยว่าทำไมทำชุดนอน มีสตอรี่นะ เดี๋ยวเล่าให้ฟัง 

สวมบทเจ้าของที่แท้ทรู

ไม่แน่ใจเลยว่าจะสำเร็จแค่ไหน แต่การได้ทุ่มทำในสิ่งที่อยากทำมันก็ได้ก้าวข้ามความกลัวไป นี่ก็คือเป็นประสบการณ์ชีวิตแล้ว

ตอนนี้ทำแบรนด์ poochi something อีกแบรนด์ไปพร้อมกัน เลยวุ่นวายมากหน่อย แต่ก็สนุกดี ใจเต้นอีกครั้งหลังจากซังกะตายมาหลายปี 

ชีวิตมันสั้นต้องรีบทำ ก่อนจะเสียดายมากไปกว่านี้ 

ใจแตกกินแป้ง กินน้ำตาลไป3วันขึ้นมา 1 โล เส้าใจ กว่าจะลดได้ 1 โล ใช้เวลาไปตั้ง 3 อาทิตย์ 

Friday, October 20, 2023

Mood # ไม่มีแมวให้กอด

ไม่มีบ้านให้กลับ 
ไม่มีเตียงให้นอน 
ไม่มีแมวให้กอด

อยู่ท่ามกลางคนมากมาย แต่ไม่มีใครสักคนพูดภาษาเดียวกันกับเรา เลยนั่งฟัง อือ ออ ไปเรื่อยๆ พยายามมากสุดได้แต่ยิ้มเพื่อรักษาบรรยากาศ 

แต่งตัวสวย ออกไปนั่งฟังเพลง เปิดเบียร์ มีเรื่องดีๆผุดขึ้นมาในหัว เผลอยิ้ม อยากเล่าให้ใครสักคนฟัง แต่ไม่มีใครอยู่ตรงนั้น 

ทำงาน เจอปัญหา หาทางแก้ปัญหาจนได้ด้วยตัวเอง นั่งภูมิใจ ถ้ามีใครรับรู้แล้วชมสักหน่อยคงรู้สึกดี

แมวหายออกจากบ้าน เดินวนหาจนเหนื่อย เสียงแหบพล่า เดินวนหาจนดึกดื่น ทางเปลี่ยว มีเพื่อนร่วมทางคงใจชื้นสักหน่อย 

แสร้งทำเป็นเก่ง เด็ดขาด ไม่เอ่ยเอื้อนขอความช่วยเหลือจากใคร ....เหนื่อยแทบขาดใจ

แมวตัวเล็กที่ชอบนอนกอดได้จากไป ตัวส้มที่อยู่ชอบเคลียชิดใกล้แต่ไม่ยอมให้กอด รู้สึกเศร้าดึงเขามากอด โดนสะบัดทิ้งแบบไม่ใยดี

รักตัวเองมาโดยตลอด อะไรไม่ดีตัดทิ้ง แต่กลับปล่อยให้ใครวิ่งวนในหัวมานานหลายปี แบบฟรีๆ  น่าเศร้าที่เขาไม่เคยทำดีด้วยแม้สักครั้ง





  
พยายามใช้ชีวิตให้ง่าย แต่ไม่เคยง่ายจริงๆสักที
 



ว่าจะเลิกเขียนบล็อกแนวความรู้สึกลบๆ แต่ก็ยังเผลอกลับมาเขียนอยู่ดี  ดี เอาไว้ให้ตัวเองอ่านตอนเข้มแข็งกว่านี้ ว่าอย่างน้อยเคยมีโหมดอ่อนแอ 

Suspiria

 


ทุกคนมีแม่คนเดียว โกโก้

อืมมมม ทำไมถึงเพิ่งได้ดูนะ ทั้งๆที่ตอนฉายนี่กระแสดีมากๆ ขึ้นชื่อว่าหนังโหดแต่ก้ไม่คิดว่าจะโหดขนาดนี้ 

หนังเปิดตัวว่าด้วยสาวน้อยซูซาน สาวบ้านนอกคอกนาคว้าฝันจากอเมริกามาเข้าคณะเต้นรำชื่อดังที่เบอลิน ด้วยความสามารถ ความไร้เดียงสา ทำให้ถูกต้อนรับอย่างอบอุ่น 

หนังไม่ได้รีรอให้เราคาดเดาเอาเองในบรรยากาศของหนังที่ถ่ายทอดออกมา ค่ะ มันคือโรงละครแม่มด ที่มีลัทธิการบูชาซาตานโดยสาวบริสุทธิ์ และซูซานของเราคือเหยื่อในการบูชานั้น 

การค้นหาความจริงของลัทธิแม่มดนี่กลับไม่ใช่หน้าที่ของซูซาน กลับเป็นของซาร่า เพื่อนสนิท เพราะซาร่ามีเพื่อนสนิทที่ชื่อแพทริเซียหายตัวไป เมื่อซาร่าเตือนซูซานเรื่องความไม่ปปกติของคณะละครนี้ ซูซานกลับไม่ใส่ใจ 

 ในคณะเต้นรำนี้จะมีการโหวตผู้ควบคุมคณะ ระหว่างมาดามบลองต์ + มาดามมาโกสต์ โดยมาร์โกสต์ได้รับการโหวตสูงสุดนี้ไป


ขณะเดียวกัน จิตแพทย์โยเซฟผู้มีพันธนาการทางจิตใจกับภรรยาที่หายสาบสูญไป  เป็นแพทย์ประจำตัวแพทริเซียที่รู้ถึงความไม่ปกติของโรงละครนี้จึงเข้ามาสืบหาตวามจริง เพื่อล้มล้างความรู้สึกผิดที่ทำให้แพทริเซียตกในอันตราย จนตัวเองเกือบเอาชีวิตไม่รอด

ความฉิบหายเกิดขึ้นในวันพิธีกรรม เหล่าแม่มดผู้ทะนงตัวได้จัดพิธีบูชายันต์ มาดามบลองต์ผู้เอ็นดูซูซาน ขัดขวางเข้า ทำให้มาโกสต์แม่มดร่างพิการไม่พอใจถึงกับจัดการฆ่ามาดามบลองต์ทิ้ง 

"ก่อนที่เจ้าจะเข้าร่วมพิธี เจ้าต้องลืมว่าเคยมีแม่มาก่อนหน้านี้ และต่อไปเจ้าจะมีแม่แค่คนเดียว" มาโกสต์บอกซูซาน
" แม่ของเจ้าชื่ออะไร?" ซูซานถามมาโกสต์เสียงใส
พระแม่ ซัสพีริโอรัม" มาโกสต์ตอบ
" ข้านี่แหล่ะ แม่เจ้า " ซูซานตอบเสียงเรียบ แล้วความวายป่วงก็เกิดขึ้นหลังจากนี้ พลางนรกได้ปรากฎปิศาจขึ้นมาจัดการผู้ที่เลือกข้างมาโกสต์ 


"ข้าเสียใจด้วยด๊อกเตอร์ที่ลูกสาวข้าทำให้ผู้คนเดือดร้อน ข้าจะดูแลลูกสาวข้าได้ดีกว่านี้ "  
พระแม่ ซัสพีริโอรัม มาหาด๊อกเตอร์ในเช้าวันถัดมาพร้อมบอกความจริงเกี่ยวกับภรรยาที่หายไปเพื่อให้ด๊อกเตอร์หายติดค้างในใจ พร้อมทั้งลบความทรงจำทั้งหมดที่เกิดขึ้น 

มาถึงตอนนี้เราจะเข้าใจในความอิหยังวะของหนังที่แสดงออกมาตลอดเรื่อง ว่าจริงๆแล้วซูซานคือ 
พระแม่ ซัสพีริโอรัม ที่มาปราบพยศลูกสาวที่ดื้อรั้น นั่นคือทำไมซูซานถึงได้มีพฤติกรรมแปลกๆแบบงงๆ 

เรื่องนี้ถูกฉายครั้งแรกเมื่อปี 1977 โดยทิลด้าปลุกปล้ำต่อสู้ให้นำมารีเมคใหม่อีกรอบ และเธอรับไป 3 บทบาทจุกๆ ทั้งบทมาดามบลองต์ ด๊อกเตอร์โยเซฟ และมาโกสต์   โดยเฉพาะบทโยเซฟที่เนียนมากจนเราดูไม่ออกเลย 

หนังทำถึงมาก ให้ความรู้สึกกดดัน ไม่ปลอดภัย สะอิดสะเอียน คลื่นเหียนมากพอสมควร

สมคำร่ำลือ ดีงาม

...........................................


ถ้าเราเป็นนักแสดงฮอลีวู้ด คนที่เราจะหมั่นไส้มากๆคือ ดาโกต้า นอกจากหน้าตาดี พื้นเพชาติตระกูลที่ทำให้ไม่ต้องดิ้นรนในวงการมากนัก เธอมักได้รับบทดีๆอยู่เสมอๆ ถึงแม้ไม่ได้ดังเปรี้ยงแต่การสั่งสมประสบการณ์ของเธอจะทำให้เธอเป็นแถวหน้าในวงการนี้ในสักวัน 

เราชอบที่เธอไม่ยึดติดกับภาพลักษณ์ บท หรือโปรดักชั่น และรูปร่างของเธอก็ชวนมองอยู่ไม่น้อย



Sunday, October 8, 2023

ผู้ชายชื่อ จางจูวอน

 หายหน้าหายตาไปติดซีรีย์   moving มาได้สักพักใหญ่ มี 18 ตอนที่ดูเพลินๆจนไม่อยากให้จบ เป็นเรื่องของผู้มีพลังวิเศษโดยธรรมชาติ ที่ได้มาทำงานในองค์กรลับๆของรัฐบาล และถูกตามล่าจากรัฐบาลเช่นเดียวกัน  เรื่องไม่เน้นการไล่ล่าทั่วไปแต่เน้นเรื่องครอบครัวของผู้มีพลังวิเศษ ที่ต้องปกป้องครอบครัวของตัวเอง 




หนึ่งในนั้นคนที่เรารู้สึกชอบมากและตกหลุมรักจริงๆคือ จางจูวอน ชายร่างใหญ่ พลังเยอะ และที่สำคัญเป็นผู้มีพลังวิเศษในการเยียวยาร่างกายตัวเองอัตโนมัติ พูดง่ายๆคือ ต่อให้โดนยิง โดนฟันยังไง ไม่กี่วินาทีร่างกายก็กลับมาเป็นปกติราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น


จางจูวอน เป็นเด็กบ้านนอกที่โตมากับนักเลงหัวไม้ ด้วยพลังที่มีทำให้เขาถูกครอบครัวทอดทิ้ง หัวหน้าแก๊งค์นักเลงรับเข้ามาเป็นน้องรัก ใช้เป็นไม้ตายในการสยบแก๊งนักเลงอื่นๆโดยรอบ พละกำลังอำนาจที่มี ใครต่อใครเรียกเขาว่า "สัตว์ประหลาด"  การเป็นน้องรักของหัวหน้าทำให้เขาคิดว่าแก๊งค์นี้คือครอบครัวมาตลอด ซื่อสัตย์ รัก สั่งให้ทำอะไรก็ทำชนิดไม่คิดชีวิต 

จนมาวันหนึ่ง เขาถูกหัวหน้าหักหลัง ถูกน้องร่วมสาบานทรยศชนิดที่ไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้น ทำให้เขาเสียใจ เจ็บปวดมากขนาดยืนร้องไห้กลางถนน เพราะไม่รู้จะไปทางไหน ไม่มีที่ให้เขากลับไป  จน จีฮี สาวขายกาแฟขี่มอไซค์ผ่านมา 

" ผู้ชายตัวใหญ่ ยืนร้องไห้กลางถนน ใครเห็นก็ต้องสงสาร จะปล่อยผ่านไปได้อย่างไร " จีฮีกล่าว 

จีฮีเป็นสาวขายกาแฟซึ่งในบริบทเกาหลีใต้ช่วงปี 1990-2000s คือการขายบริการทางเพศในรูปแบบสาวกาแฟที่เสริฟกาแฟถึงห้องพัก  ความสำพันธ์ระหว่างเขาสองคนเกิดขึ้น นักเลงบ้านนอกผู้ใสซื่อเมื่อตกหลุมรักก็พยายามจีบ เป็นชายที่สุภาพต่อหน้าสาวที่ตนแอบรัก จีฮีประทับใจความสุภาพนั้น 

หลังจากถูกตามล่าจากเหล่าอันธพาล จนทำงานให้องค์กรลับของรัฐบาล เมื่อตนมีความมั่นคงขึ้นจึงได้ตามหาจีฮีอีกครั้ง

จีฮี: “ไม่เจอกันนานมากๆ” จางจูวอน: “ผมมีเรื่องต้องทำน่ะครับ” จีฮี: “นึกว่าหลงทางอีก หลงเก่งสุด แต่ก็ยังมานี่ได้นะคะ” จางจูวอน: “ก็ยังหลงเก่งอยู่เหมือนเดิมครับ แต่ผมพยายามตามหาคุณจีฮี” จีฮี: “โรแมนติกจัง” 🥹   


ทั้งสองรักกัน ใช้ชีวิตร่วมกัน คอยสนับสนุนกันและกัน ความสุขของจีฮีคือการที่ชายคนรักของเธอมีชีวิตกลับมาบ้าน  ความสุขของจูวอนคือการมีบ้านที่มีจีฮีให้กลับ 

ประเพณีครอบครัวคือทุกๆเดือนจะมีวันกินเนื้อ 1 วัน มีรอบวันกินเนื้ออยู่วันหนึ่งที่จูวอนบอกว่าไม่สามารถกลับมากินได้เพราะติดภารกิจ ขอเลื่อนเป็นวันอื่น จีฮีบอกไม่ได้ วันนี้วันกินเนื้อของเราแค่เดือนละครั้งอย่าผิดนัดได้ไหม จูวอนรู้สึกงี่เง่าจึงได้มีการทะเลาะกันกันเกิดขึ้น 

" มันไม่ใช่วันกินเนื้อย่างที่คุณเข้าใจ มันคือวันไข่ตก คุณรู้ใช่ไหมว่าก่อนหน้านี้ฉันทำอาชีพอะไร ฉันไม่กล้าและอับอายที่จะขอมีลูกกับคุณตรงๆได้ ฉันอยากมีมาตลอด ลูกที่ใจดีเหมือนคุณ "  จีฮีกล่าวอย่างเจียมตัว

การทะเลาะครั้งนั้นเป็นครั้งแรก ครั้งเดียว ครั้งสุดท้ายในชีวิตคู่

ทั้งสองมีลูกสาวด้วยกัน หน้าตาเหมือนแม่ แข็งแรงเหมือนพ่อ ชีวิตที่เพียบพร้อมมีความสุขมีเพียงแต่ในนิทาน ไม่นานจีฮีเกิดอุบัติเหตุพร้อมลูกสาว แน่นอนว่าลูกสาวรอดชีวิตและจีฮีเสียชีวิต

จูวอนร่ำไห้ราวใจจะขาด ขาดแล้วแสงสว่างในชีวิต ขาดแล้วที่พักพิง ขาดแล้วบ้านให้กลับ  แต่ต้องมีชีวิตอยู่ต่อเพื่อดูแลลูกที่เป็นดั่งแก้วตาดวงใจ 





..................

เป็นคนเซนซิทีฟกับความรักแบบนี้มาก โดยเฉพาะความรัก ความซัพพอร์ทจากครอบครัวแบบนี้ จูวอนไม่ได้หล่อ รวย เท่ ฉลาด เป็นเพียงชายคนนึงที่รักผู้หญิงคนหนึ่งอย่างซื่อตรง จริงแท้ ไม่เล่นเกม ไม่ซับซ้อน โดยไม่สนว่าอดีตของเธอคืออะไร รักที่เธอเป็นเธอ   รักที่พร้อมปกป้อง ดูแล ทะนุถนอม ให้ความสำคัญ เสียสละ  คือเป็นความรักที่เรียบง่ายแต่แท้จริง  

ในชีวิตคนเราจะมีอะไรดีไปกว่าการได้รักและรับรักใครสักคนอย่างปลอดภัย 
 

Friday, October 6, 2023

ฤดูใหม่


 

งือ ชอบเพลงรักอบอุ่น 
ฟังไปให้ใจอุ่น


Sunday, September 24, 2023

ดั่งฝันไป

เป็นสามเดือนที่ได้ใช้ชีวิตดั่งเช่นที่เคยฝันมาตลอด

กิจวัตรประจำวันตื่นเท่าที่ร่างกายปลุกตัวเองตื่นเมื่อได้พักผ่อนเพียงพอ  ทานอาหารเช้าที่ไม่เคยมีเวลาได้แตะ เสร็จแล้วมานั่งวาดรูป อ่านหนังสือ ออกแบบ เบื่อหน่อยก็เอนหลังเล่นเกม ทานอาหารกลางวัน ออกกำลังกาย วันไหนเบื่อก็ออกไปเจอเพื่อน  คิดถึงคนที่บ้านก็กลับบ้าน กลับไปอยู่จนหนำใจให้หายคิดถึงก็กลับมา ทำความสะอาดบ้าน ตกแต่งสวน ปลูกผัก จัดการธุระที่เคยแต่ผลัดวันประกันพรุ่ง อืม...ทำทุกอย่างที่เคยฝันกลางวันตอนที่งานท่วมหัว ไม่มีแม่แต่เวลาหายใจนึกฝัน 

มันก็มีความสุขดีนะ 


แต่จริงอย่างที่เขาบอกว่าโลกหมุนได้ด้วยเงิน เมื่อนั้นแหล่ะถึงได้มีสติฉุดตัวเองตื่น ต้องดิ้นรนหาเลี้ยงชีพสักที เมื่อกองบิลมาอยู่ตรงหน้า แง... อยากโดนเลี้ยงแล้วอะ หนูสัญญาว่าจะเป็นเด็กดี 

สุดท้ายแล้วได้เจอช่างเย็บผ้าซักที ตอนนี้ใจเลยฟู นั่งยิ้มนอนยิ้มแม้แต่ฝันก็ยังยิ้ม อีกไม่นาน นิทรา คงได้ออกจำหน่ายและขายดิบขายดี ก็แปลกดี ทั้งๆที่ใจชอบออกแบบแฟชั่นมาโดยตลอดแต่กลับวิ่งหนีมาตลอดยี่สิบปี พอโตถึงขึ้นกล้าเผชิญหน้า  ไม่น่าปล่อยให้ใครมามีอิทธิพลต่อความฝันเลยจริงๆ


ช่วงนี้กำลังเขียนวรรณกรรมเข้าประกวด ไม่แน่ใจว่าเขียนดีไหมขอให้เขียนจบก็ภูมิใจในตัวเองแล้ว 


เห็นสัญญาณจากเขา ไม่แน่ใจว่าเขาส่งมาหรือเราคิดไปเอง

Sunday, September 10, 2023

Facebook Notes #4 เสพติด "รัก"

 " หนูรู้นะพี่ ว่าที่หนูทำมันผิดแต่หนูเลิกไม่ได้จริงๆ หนูรักเค้าและเค้าก็รักหนู แค่หนูเจอเค้าช้าไปเท่านั้นเอง "   น้องสาวแสนดีพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าแสนเศร้า หญิงสาวเข้าใจดีว่าการมีความรักมันเป็นอย่างไร ความเอ็นดูที่มีให้ ทำให้หญิงสาวพูดอะไรไม่ได้นอกจากฟังอย่างเข้าใจ ..  

" หนูต้องการความรักนะพี่ หนูต้องการคนดูแล คอยห่วงใย หนูไม่เคยได้รับสิ่งเหล่านี้จากครอบครัวหนูเลย... " 

" หนูรู้ว่ามันผิด และหนูก็เห็นใจผู้หญิงคนนั้น แต่ถ้าหนูต้องเลิกกับเค้า หนูขอเป็นคนเลวดีกว่า ..." 

 " หนูผิดด้วยหรือพี่ ที่หนูต้องการความรักจากใครสักคน ..."    

หญิงสาวถอนหายใจ มองใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตา ดวงตาที่เต็มไปด้วยความสับสนอย่างเห็นใจ  

นั่นสินะ ... คนเรามันจะผิดมากขนาดไหนเชียวกับการต้องการแค่ความรักจากใครสักคน.. . ความรักมันเหมือนขนมหวาน ที่หลอกล่อให้เราหลงใหลโดยปราศจากความยับยั้งชั่งใจจมดิ่งอยู่กับความสุขที่ลวงตา ถ้าทานให้เป็น ก็จะอร่อยได้แบบถูกหลักอนามัย แต่ถ้าหลงใหลเสพติด ก็จะเกิดพิษแบบไม่ตั้งใจและยากที่จะถอนตัว ความทุกข์บนความสุขมันจะจีรังแค่ไหน . 

หญิงสาวเอามือลูบหัวเด็กสาวอย่างเข้าใจ  ทำได้เพียงเท่านี้... 

... 

...

 ...   

และได้แต่หวังไว้ว่าสักวัน เด็กสาวจะทานขนมหวานได้อย่างถูกต้องสักที    


-ผู้หญิงเล็บแดง- 

ธ.ค. 12, 2012 10:40:34pm

Facebook Notes #2 ครุ่นคิด

เป็นระยะเวลาหนึ่งที่หญิงสาวครุ่นคิด....เรื่องเดิมซ้ำๆ คิดซ้ำไปซ้ำมาแต่ยังคงลังเลในคำตอบ      

เพราะความจริงที่มีอยู่มันก็ดี  การเปลี่ยนแปลงอะไรที่ไม่มั่นใจในสิ่งที่จะได้รับย่อมสั่นคลอนความเชื่อมั่น แต่การโหยหาความฝัน มันทำให้ขาดแรงจูงใจในการสร้างสรรค์ หญิงสาวถอนหายใจ...พลางเขี่ยบุหรี่เบาๆ     

เพราะการใช้วัฏจักรชีวิตเหมือนอย่างคนอื่นเค้า  หล่อนจึงลืมไปเลยว่าวัฏจักรของตัวเองนั้นเคยเป็นอย่างไร     

 .........     

บางทีหญิงสาวมีคำตอบในใจแต่ยังไม่ถึงเวลาในการเลือกเท่านั้นเอง อดทนอีกนิดเถอะนะ  สักวันชีวิตคงหมุนไปตามทางของมัน แล้ววันนั้นหญิงสาวจะสบาย ปล่อยวางจากการเดินตามใคร แล้วหายใจได้ทั่วท้องสักที   


ผู้หญิงเล็บแดง 

ม.ค. 18, 2013 1:23:12am

Facebook notes #1 ฉันชอบของฉัน

 ฉัน...ชอบฟังเพลง 

ฉัน...ชอบขนมที่ไม่หวานเลี่ยน 

ฉัน...ชอบดอกไม้ 

ฉัน...ชอบสีส้ม 

ฉัน...ชอบดื่มชา 

ฉัน...ชอบนอนอาบแดดอ่อนๆในวันที่อากาศเย็น 

ฉัน...ชอบอ่านหนังสือ 

ฉัน...ชอบฟังเสียงฝนตกที่ดังกระทบสิ่งรอบข้าง 

ฉัน...ชอบน้องหมา 

ฉัน...ชอบวาดรูป 

ฉัน...ชอบอ่านหนังสือ 

ฉัน...ชอบโปสการ์ดที่เขียนด้วยลายมือและข้อความที่มาจากใจ 

ฉัน...ชอบนอนกลิ้งเกลือกบนผ้าปูที่นอนหอมๆ 

ฉัน...ชอบฝันกลางวัน 

ฉัน...ชอบทำอาหาร 

ฉัน...ชอบงานทำมือ 

ฉัน...ชอบแต่งตัว 

ฉัน...ชอบทาเล็บสีแดง 

ฉัน...ชอบอมยิ้มเวลาเจอเรื่องราวดีๆ 

ฉัน...ชอบรู้ให้เยอะที่สุดเท่าที่จะมากได้ 

ฉัน...ชอบให้โอกาส 

ฉัน...ชอบคาดหวัง 

ฉัน...ชอบปลูกต้นไม้ 

ฉัน...ชอบอาหารที่ปรุงเสร็จใหม่ๆ 

ฉัน...ชอบความคลาสสิค 

ฉัน...ชอบตุ๊กตาหน้าแปลก 

ฉัน...ชอบไม่ตามกระแส 

ฉัน...ชอบเวลาที่มีคนคิดบวกมากๆ มันน่ารักดี 

ฉัน...ชอบฟังเวลาคนอื่นพูด 

ฉัน...ชอบเล่าเรื่องตลก

 ฉัน...ชอบคิดในเรื่องไม่เป็นเรื่อง 

ฉัน...ชอบอากาศที่ไม่เย็นหรือร้อนเกินไป 

ฉัน...ชอบท้องเสีย 

ฉัน...ชอบลืม 

ฉัน...ชอบให้ห้องฉันมีสิ่งน่ารักๆเต็มไปหมด 

ฉัน...ชอบน้ำหอมกลิ่นผลไม้ 

ฉัน...ชอบผู้ชายใส่เสื้อยืดสีขาวคอกลม 

ฉัน...ชอบนั่งนิ่งๆมองทะเลเงียบๆ 

ฉัน...ชอบดอกหญ้าที่ขึ้นในฤดูใบไม้ผลิในเขตหนาว 

ฉัน...ชอบคิดว่าตัวฉันเองไม่ต่างกับสัตว์ตัวหนึ่ง 

ฉัน...ชอบดินสอ 

ฉัน...ชอบให้คนกอดเบาๆแล้วบอกว่าไม่เป็นไร 

ฉัน...ชอบคนพูดเพราะ

ฉัน...ชอบเครื่องประดับวิบวับ 

ฉัน...ชอบเวลามีคนคิดถึงฉันแล้วซื้อของมาฝาก 

ฉัน...ชอบตัดกระดาษ 

ฉัน...ชอบแสงสลัวๆของเปลวเทียนในความมืด 

ฉัน...ชอบดูภาพวาดที่เขาวาดด้วยความตั้งใจ 

ฉัน...ชอบคนคิดแปลกๆ 

ฉัน...ชอบแอบชอบ แอบแบบไม่ให้เขารู้ตัว

ฉัน...ชอบค้นคว้าในสิ่งที่อยากรู้ 

ฉัน...ชอบเด็กที่มี EQ  ดีๆ 

ฉัน...ชอบความไร้เดียงสาของสัตว์ 

ฉัน...ชอบตื่นขึ้นมาแล้วฝนตกเบาๆ 

ฉัน...ชอบเสียงกบร้องในเช้าที่ฝนตกนั้น 

ฉัน...ชอบกินผักและผลไม้ 

ฉัน...ชอบกินเนื้อ 

ฉัน...ชอบคิดสวนทางกับคนอื่นถึงแม้ในใจลึกๆจะคิดเหมือนเขาก็เถอะ 

ฉัน...ชอบทำหน้าตายเวลาเขิน 

ฉัน...ชอบระริกระรี้เวลาเจอสิ่งถูกใจ 

ฉัน...ชอบความน่ารัก 

ฉัน...ชอบลายแพทเทิร์น 

ฉัน...ชอบการออกแบบ 

ฉัน...ชอบวินเทจ 

ฉัน...ชอบสีสัน 

ฉัน...ชอบต้นไม้ใหญ่ๆมันให้ความรู้สึกอบอุ่น 

ฉัน...ชอบพับกระดาษ 

ฉัน...ชอบซื้อของ 

ฉัน...ชอบเวลามีคนมองหน้าฉันแล้วยิ้มเขินๆ 

ฉัน...ชอบผู้ชายยิ้มกว้าง

ฉัน...ชอบแอบมองคนที่ฉันรัก 

ฉัน...ชอบกินก๋วยเตี๋ยวไม่ใส่พริก 

ฉัน...ชอบหงุดหงิดเวลาไม่ได้ดั่งใจ 

ฉัน...ชอบกินนม 

ฉัน...ชอบกอด 

ฉัน...ชอบจับมือ 

ฉัน...ชอบสงสัย 

ฉัน...ชอบท่องไปในวิกิพีเดีย

 ฉัน...ชอบภาพถ่ายที่ใช้ฟิล์ม 

ฉัน...ชอบฟังเพลงเก่า 

ฉัน...ชอบคิดถึงชีวิตวัยเด็ก ที่ญาติวัยเดียวกันพาฉันผจญภัย 

ฉัน...ชอบกินข้าวมันไก่ 

ฉัน...ชอบเลี้ยงหมา 

ฉัน...ชอบกอดแม่ 

ฉัน...ชอบเรื่องที่พ่อฉันเล่า 

ฉัน...ชอบคุยกับน้อง 

ฉัน...ชอบแกล้งให้เด็กร้องไห้ ... ... ... 

ขอบคุณเพจ : ฉันชอบของฉัน ที่ทำให้ฉันนั่งคิดได้ว่าชอบอะไร และลืมไปแล้วว่าชอบอะไร

........................

ก.พ. 10, 2013 11:35:09pm

Saturday, September 9, 2023

กลางฤดูฝน

 เดือนกันยายน

อากาศร้อนอบอ้าว ทั้งร้อนทั้งชื้น แฉะจากเหงื่อที่ไหลไม่ขาดสาย ทำให้เก้าอี้ทำงานที่ทำจากหนังเหนียวเหนอะหนะ จนต้องลุกไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดถึงมานั่งทำงานได้

แอร์เครื่องเก่าที่เปิดจนเย็นสุดก็เย็นเหมือนแค่ลมหน้าหนาวในเมืองเขตร้อน  มีตัวช่วยเป็นพัดลมอีกตัวก็ไม่อาจลดอุณหภูมิที่เกิดขึ้นได้ ต้องรอให้ฝนตกเท่านั้น อุณหภูมิจึงลดลงมาทำให้สบายตัวหน่อย 

ก่อนหน้านี้ตอนยังเด็ก ฉันชอบฤดูฝน ชอบเสียงฝนกระทบหลังคา กลิ่นดินเปียกฟุ้งขึ้นจมูก เสียงกบร้องระงม สร้างบรรยากาศฝนการอ่านหนังสือได้อย่างดี  รู้สึกใจชื้นที่ไม่ต้องออกจากบ้านไปทำธุระ การนอนกลิ้งไปมาบนเตียงที่บ้านคือที่สุดแล้ว จนโตมาพร้อมความรับผิดชอบที่มากขึ้น ความรู้สึกจากที่เคยชอบเปลี่ยนไป เป็นความไม่สบายใจ การคาดเดาอะไรไม่ได้ ได้แต่ฝากความหวังไว้กับลมกับฟ้าทำให้ฉันวิตกกังวล กลัวธุระไม่เสร็จ เกรงไปไม่ทันนัด ครั้นเลิกนัดอยู่บ้านแล้วฝนไม่ตกก็ทำให้รู้สึกเสียดายโอกาสและเวลา  ฉันกลายเป็นคนเครียดและโทษฟ้าฝนไม่รู้ตัว 

อีกไม่นานจะเข้าฤดูหนาว ฤดูหนาวในเมืองเขตร้อนฉันชอบที่สุด อากาศเย็นสบายเหมือนฤดูใบไม้ผลิในเมืองหนาว อุณหภูมิที่ต่ำลงทำให้ใจเราเย็นตาม อะไรๆที่คาดเดาได้จะทำให้ฉันดีขึ้น  เป็นฤดูที่ฉันมีความสุข 

ก็ได้แต่หวังว่าฤดูหนาวนี้ จะทำให้ฉันมีความสุขจริงๆเสียที 


  



Friday, September 1, 2023

Mood #1

เธอเปิดเพลงรักให้คนอื่น
ฉันนั่งฟังเพลงนั้น

Wednesday, August 30, 2023

โชคดี

 


ขอให้วันนี้เธอมีความสุข ขอแค่วันนี้ฉันได้เฝ้าดู  ก็เพราะช่วงเวลาที่เธอยิ้ม 
เธออาจยังไม่เคยรู้ ว่ามันดีสักแค่ไหนกับหัวใจของฉัน


Wednesday, August 23, 2023

Move On

วันนี้วันเกิด

เคยมองภาพตัวเองตอนวัยกลางคนไม่ออก ไม่รู้ว่าใช้ชีวิตยังไง ทำอะไร มีเงินเก็บไหม มีความสุขแค่ไหน ครอบครัวเป็นไง โสดไหม แต่งงานรึเปล่า หน้าตารูปร่างจะเปลี่ยนแค่ไหน หาคำตอบในสิ่งที่ค้างในใจเนิ่นนานได้รึยัง ความฝันสำเร็จไหม ภูมิใจในตัวเองสักครั้งรึเปล่า 

พอถึงเวลานั้นจริงๆก็ไม่ได้แย่ ความทะเยอทะยาน ดึงดันตัวเองไปในทางที่ดีขึ้นเสมอ กลายเป็นคนไม่มีงาน ล่าความฝัน ออกจากความกลัว มีเงินใช้ตามอัตภาพ ไม่ได้แต่งงาน ยังคงไม่รู้สึกภูมิใจในตัวเอง และหาคำตอบของกำแพงตัวเองเจอ

กำแพงที่หาคำตอบมาร่วม 30 ปี โชคดีที่หาเจอและโอบกอดตัวเองแน่นๆ

หลังจากนี้คงค่อยๆปรับตัว รักตัวเองมากขึ้น ความทะเยอทะยานจะพาตัวเองไปในทางที่ดี โดยตั้งเป้าหมายชัดเจนคือความสุข อะไรที่ทุกข์ถ่วงใจถึงเวลาก็แค่ปล่อยไป

กลับมาบ้านเจอรอยยิ้ม เสียงหัวเราะของ 2 ดวงใจก็ทำให้ใจฟู  













ยังคงจำวันเกิดของใครบางคนได้ เฝ้าปราถนาให้เขาโชคดี มีความสุขเหมือนเพลง โชคดี ของเต้ ภูริต  และคงปล่อยให้เขาเป็นอิสระจากใจที่ยึดติด เห็นเขามีความสุขกับรักใหม่ก็ยินดีจากใจจริง 

เวลาจะเยียวยาทุกสิ่ง การยอมรับความจริงจะรักษาทุกอย่าง 

 ส่วนเราก็คงต้องปีนกำแพงตัวเองออกไปให้ได้ เพื่อใครสักคนที่ตั้งใจเข้ามา 

#ใครมูฟออนก่อนชนะ #แพ้ตลอด

Sunday, August 6, 2023

...

คนเรานี่กว่าจะมีเป้าหมายของตนเองต้องใช้เวลานานแค่กันนะ

หลังจากออกจากงานมาได้สักพัก ฉันยังไม่เริ่มอะไรเลยสักอย่าง ปล่อยให้จิตใจและสมองเคลียร์พลังงานลบตกค้างออกให้หมด เพื่อเริ่มต้นใหม่อย่างเสรี ช่วงเวลานี่แหล่ะ ที่เป็นช่วงพบปะผู้คน เจอเพื่อนเก่า คนรู้จักเก่าๆ ถามอัพเดทชีวิตความเป็นไป 

' อ๋อ ลาออกมาทำในสิ่งที่อยากทำน่ะ งานที่ทำอยู่มันไม่ใช่ ' 

พอบอกอย่างนี้ไป ทุกคนยกฉันเป็นไอดอลขึ้นทันที ( ปกติก็ไอดอลเรื่องการใช้ชีวิตอยู่ละ นี่ยังมาเป็นไอดอลเรื่องลาออกจากงานอีก ) ทุกคนรอบข้างล้วนจำใจทนในสิ่งที่ไม่ชอบ ไม่ใช่ ไม่กล้าตัดสินใจเพราะภาระหน้าที่ที่แบกรับ บ้างก็ไม่รู้จะออกมาทำอะไร

ฉัน ผู้ซึ่งมีเป้าหมายตลอดแต่ก็เหมือนคนทั่วไป ไม่กล้าลงมือทำเพราะกลัวผิดหวัง ล้มเหลว เสียดายตังค์ ไม่มีต้นทุน จนกระทั่งสถานการณ์หลังชนฝานั่นแหล่ะจึงทำให้ตัดสินใจไปตายเอาดาบหน้า ถึงได้บ้าบิ่นลาออกจากงานที่มั่นคง

พอออกมานั่งนิ่งๆ บื้อๆ ถึงได้รู้แล้วว่า สิ่งที่กลัวมาตลอดมันไม่ได้น่ากลัวเลยนะ แค่ลาออกมาลองทำ ถ้าไม่เวิร์คก็กลับไปหางานใหม่เท่านั้น มนุษย์เราล้วนเกิดมาดิ้นรนทั้งนั้น และโอกาสก็ไม่ได้ยาก ถ้าเรามีความสามารถมากพอ การอยู่ในที่ๆเรายึดติดต่างหากที่น่ากลัว น่ากลัวว่าท้ายที่สุดแล้วจะไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างที่ใจต้องการ  

ทำอาหารที่เป็นแพชชั่น อ้อยอิ่งการเลือกหนังสือมาอ่าน จับพู่กันวาดภาพตามใจปราถนา  นอนเท่าที่อยากนอน ออกไปเจอเพื่อนด้วยพลังงานที่ล้นปรี่ ...ชีวิตมันดีมากจริงๆ

พักเต็มที่ ได้เวลาหาเงินสักที ...



Thursday, July 20, 2023

Chapter 1

วันที่ 4 ของการไม่ต้องออกจากบ้าน

อืม ว่ายังไงดีล่ะ กว่าจะมีสติกลั่นกรองความรู้สึกเพื่อจดบันทึกนี้ก็เข้าวันที่ 4 แล้ว 

ยังไม่คุ้นชินเลย ยังคงตื่นเช้า จับโทรศัพท์เพื่อเชคเมล์ เผลอเข้า Calendar เพื่อดูนัดประชุม ในหัวยังวิ่งวนในสิ่งที่ต้องจัดการ คงต้องค่อยๆถอนเหมือนโรคติดสุราเรื้อรัง

รีบลุกขึ้นมาอาบน้ำ แต่งตัวลงจากบ้าน มาทำอาหารเช้าทานหลังห่างเหินไปนาน อาหารสุขภาพที่คุ้นเคย นึกถึงประโยชน์ที่ได้รับ ผนวกกับการรื้อฟื้นรสมือตัวเอง ออกกำลังนิดหน่อย นอนให้เยอะเท่าที่จะเยอะได้ อ่านหนังสือจนหนำใจ ทำความสะอาดบ้านครั้งใหญ่ ตรงไหนพังก็ซ่อม ตรงไหนโทรมก็ปรับแต่ง จัดการธุระของตัวเองให้เสร็จ เพื่อรับบทชีวิตใหม่ที่เกิดขึ้น

ไม่รู้ตัดสินใจถูกไหมนะที่ออกจากงานมาแบบนี้ ออกจากเซฟโซนมาทำอะไรที่ใครต่อใครมองว่าบ้าบิ่น เหมือนทุบหม้อข้าวตัวเองแล้วหวังน้ำบ่อหน้า แต่พอมองย้อนกลับไปต้องเจอในสิ่งที่ตัวเองเจอก็แทบทนไม่ไหว 

เอาน่า อย่ากลัว ท้ายที่สุดชีวิตมันก็ต้องก้าวไปในทางที่ใช่อยู่ดี แค่ต้องอดทนหามันให้เจอ

อย่าลืมเป้าหมายที่วางไว้ก็พอ

1.เวลาให้ครอบครัว
2.เวลาให้ตัวเอง
3.เวลาให้คนรัก

คนเรานี่ก็นะ กว่าจะรู้ตัวว่าอะไรมีค่า ก็ต้องผ่านการเรียนรู้มาก่อน แต่กว่าจะเรียนรู้ได้ ตามประสาคนดันทุรังอย่างเราก็แทบรากเลือด

ไม่เน้นรวย ไม่เน้นมั่นคง เน้นสบายๆพาแม่ไปดูหิมะก็พอ ไม่อยากฝืน ไม่อยากแข่ง ไม่อยากดันทุรัง อยากใช้ชีวิตที่เรียบง่าย สบายๆ


และอยากมีแฟน นี่จะลอง proof ตัวเองดูว่า ถ้ามีเวลา มีความสบายๆแล้ว ความสัมพันธ์จะไปรอดไหม 

ถ้าบอกใครต่อใครว่าลาออกมาหาผัว นี่คงเป็นอีกตำนานให้คนอื้ออึงแน่ๆ แค่คิดก็ขำ

เอาเถอะ ตั้งสติ เคลียร์หัวที่หนักอยู่ออกให้ได้ก่อน แล้วเริ่มต้นใหม่ เก่งซะอย่าง ก็ปูชินี่เนอะ 
..
..
..
ใจลึกๆก็กลัวแหล่ะ 

Monday, June 5, 2023

van Gogh alive bkk

วันนี้ไปเดินเล่นที่นิทรรศการดิจิตัลของแวนโก๊ะมาค่ะ วนมาถึงกรุงเทพสักทีหลังจากที่อ้อมโลกมาได้พักใหญ่ๆ 
ราคาบัตรวิไอพี 1520 บาท ผู้ใหญ่ 1020 บาท เด็กหรือนักศึกษา 520 บาท ราคานี้รวมค่าบริการจากไทยทิกเก็ตแล้วค่ะ

งานเป็นลักษณะเดินไปข้างหน้า ไม่ย้อนกลับมานะคะ เพราะฉนั้นถ้าใครไปแนะนำให้อยู่โซนนี้ให้นานที่สุด เป็นการแสดงผลงานกว่า 3000 รูปแบบดิจิตัล นั่งเพลินๆ ดูนานๆไปเลยค่ะ แสง สี เสียง ถือว่าดี ถ้ามีเก้าอี้ริมหาดน่าจะดีไปอีก
โดยส่วนตัวปูชอบ post impressionism มากดว่า impressionism การไปดูแวนโก๊ะก็ทำให้ใจสั่นพอสมควร ถึงไม่ใช่ภาพจริง แต่การนำมาขยายขนาดใหญ่ก็ทำให้เห็นฝีแปรงและการใช้สีชัดขึ้น 
นั่งดูจริงจังเลยค่ะ

ออกจากโซนนี้ไปก็เป็นห้องจำลองต่างๆ มีห้องจดหมายที่แวนโก๊ะเขียนถึงครอบครัว เพื่อนศิลปิน โดยเขาจะวาดภาพลงไปด้วย ถ้าเป็นยุคนี้คงส่งเป็นภาพถ่าย หรือแนบรูปไปพร้อมเมล์  
ปูชอบที่ได้เห็นภาพสเก็ตมือค่ะ ลายเส้นสวย เปอสเปคทีฟแม่น 
ลายเส้นเขาสวยนะ

นอกจากนี้ก็เป็นกิจกรรมต่างๆ มีให้สเก๊ตภาพ ลงสี หรือถ่ายรูปลายเส้นแวนโก๊ะ 
มีคาเฟ่ให้นั่ง
ไปเข้าคลาสวาดรูปมาด้วยแหล่ะ
เนี่ย แวนโก๊ะวาดให้

มีมุมให้ถ่ายรูปเยอะค่ะ ถ่ายจนเมมเต็ม

นอกจากนี้มีโซนของที่ระลึกด้วยนะคะ น่ารักมาก ปูนี่ก็ล้มละลายจากที่นี่ 
ใครว่างก็ไปกันนะคะ ยิ่งใครสาวกแวนโก๊ะด้วยแล้วคงถูกใจ

แล้วมาเป็นทีมดอกทานตะวันด้วยกันค่ะ🌻


Kitchen for single

วันนี้มาแนะนำซีรีย์สั้นๆ  Kitchen for single ค่ะ  มี 12 ตอน ตอนละ 8-9 นาที  เป็นเรื่องราวของสาวน้อยคนนึงที่อาศัยในห้องพักขนาดเล็ก ที่มีครัวเ...