อืม ว่ายังไงดีล่ะ กว่าจะมีสติกลั่นกรองความรู้สึกเพื่อจดบันทึกนี้ก็เข้าวันที่ 4 แล้ว
ยังไม่คุ้นชินเลย ยังคงตื่นเช้า จับโทรศัพท์เพื่อเชคเมล์ เผลอเข้า Calendar เพื่อดูนัดประชุม ในหัวยังวิ่งวนในสิ่งที่ต้องจัดการ คงต้องค่อยๆถอนเหมือนโรคติดสุราเรื้อรัง
รีบลุกขึ้นมาอาบน้ำ แต่งตัวลงจากบ้าน มาทำอาหารเช้าทานหลังห่างเหินไปนาน อาหารสุขภาพที่คุ้นเคย นึกถึงประโยชน์ที่ได้รับ ผนวกกับการรื้อฟื้นรสมือตัวเอง ออกกำลังนิดหน่อย นอนให้เยอะเท่าที่จะเยอะได้ อ่านหนังสือจนหนำใจ ทำความสะอาดบ้านครั้งใหญ่ ตรงไหนพังก็ซ่อม ตรงไหนโทรมก็ปรับแต่ง จัดการธุระของตัวเองให้เสร็จ เพื่อรับบทชีวิตใหม่ที่เกิดขึ้น
ไม่รู้ตัดสินใจถูกไหมนะที่ออกจากงานมาแบบนี้ ออกจากเซฟโซนมาทำอะไรที่ใครต่อใครมองว่าบ้าบิ่น เหมือนทุบหม้อข้าวตัวเองแล้วหวังน้ำบ่อหน้า แต่พอมองย้อนกลับไปต้องเจอในสิ่งที่ตัวเองเจอก็แทบทนไม่ไหว
เอาน่า อย่ากลัว ท้ายที่สุดชีวิตมันก็ต้องก้าวไปในทางที่ใช่อยู่ดี แค่ต้องอดทนหามันให้เจอ
อย่าลืมเป้าหมายที่วางไว้ก็พอ
1.เวลาให้ครอบครัว
2.เวลาให้ตัวเอง
3.เวลาให้คนรัก
คนเรานี่ก็นะ กว่าจะรู้ตัวว่าอะไรมีค่า ก็ต้องผ่านการเรียนรู้มาก่อน แต่กว่าจะเรียนรู้ได้ ตามประสาคนดันทุรังอย่างเราก็แทบรากเลือด
ไม่เน้นรวย ไม่เน้นมั่นคง เน้นสบายๆพาแม่ไปดูหิมะก็พอ ไม่อยากฝืน ไม่อยากแข่ง ไม่อยากดันทุรัง อยากใช้ชีวิตที่เรียบง่าย สบายๆ
และอยากมีแฟน นี่จะลอง proof ตัวเองดูว่า ถ้ามีเวลา มีความสบายๆแล้ว ความสัมพันธ์จะไปรอดไหม
ถ้าบอกใครต่อใครว่าลาออกมาหาผัว นี่คงเป็นอีกตำนานให้คนอื้ออึงแน่ๆ แค่คิดก็ขำ
เอาเถอะ ตั้งสติ เคลียร์หัวที่หนักอยู่ออกให้ได้ก่อน แล้วเริ่มต้นใหม่ เก่งซะอย่าง ก็ปูชินี่เนอะ
..
..
..
ใจลึกๆก็กลัวแหล่ะ
No comments:
Post a Comment