Sunday, October 15, 2017

YERM || กลับดาว (You & Me) [OFFICIAL MV]

บ่อยครั้งที่คิดว่าตัวเองอยู่ถูกที่ แต่ความเป็นจริงแล้วไม่เลย...





Monday, July 10, 2017

Make it With you...




 บางทีก็บังเอิญเจอเพลงเพราะจากหนังที่เราไม่สนใจตั้งแต่แรก
แปะไว้ฟัง

Sunday, July 9, 2017

พรุ่งนี้ผมจะเดตกับเธอคนเมื่อวาน - Tomorrow I will date with Yesterday's You

5/10

อาจเพราะต่อมโรแมนติกได้หดหายไปจากจิตใจ พักหลังๆมานี้การดูหนังรักโรแมนติกกลับไม่สวยงามตรึงใจสักเท่าไหร่  แทนที่ตัวเราจะดู ซึ้งไปกับเนื่อเรื่อง อินไปกับตัวละครก็พอ กลับดูด้วยความสงสัย  พร้อมกับการตั้งคำถามของความเป็นไปได้ ที่มันควรขะเกิดขึ้นจริงๆ พูดง่ายๆว่า จับผิดนั่นแหล่ะ
................................................

TIWDYY  เปิดตัวมาการปรากฎตัวของนางเอกในชีวิตที่แสนจะธรรมดาของพระเอก รักแรกพบพุ่งเข้าใส่พระเอกอย่างจังจนต้องตามไปขอเมลล์เพื่อใช้ติดต่อ (ม่อชิบหาย)  ความสัมพันธ์รุดหน้าไปอย่างรวดเร็ว  พวกเขาเจอกัน ดีต่อกัน ใส่ใจกัน รักกัน ความรักสวยงามจนกระทั่งพระเอกมารู้ความจริงว่า เอมิของเรานั้นมาจากโลกข้างๆกัน   โลกที่ประตูมิติชนกันทุกๆ 5 ปี และประตูจะเปิดอยู่เพียงแค่ 30 วันเท่านั้น



ปัจจุบันทั้งคู่อายุ  20 ปี
อีก 5 ปีข้างหน้านั้น  เธอจะอายุ  25  แต่เขาจะ 15  ปี
อีก 10 ปีข้างหน้า     เธอจะอายุ  30   แต่เขาจะ  10  ปี
อีก 15 ปีข้างหน้า     เธอจะอายุ  35  แต่..เขาจะอายุแค่  5 ปี
ในไทม์ไลน์ของเขาก็เช่นกัน

โลกข้างๆกันที่ "เวลาเดินทางสวนทางกัน"  - วันพรุ่งนี้-ของเธอ คือ -เมื่อวานนี้ - ของเขา    -พรุ่งนี้-ของเขา คือ -เมื่อวานนี้- ของเธอ ....


นั่นหมายความว่า

จูบแรกระหว่างเรา                        คือ    จูบครั้งสุดท้ายของเธอ
การเรียกชื่อเล่นของกันครั้งแรก     คือ     การเรียกชื่อครั้งสุดท้ายของเธอ
การทำอาหารให้ทานครั้งแรก        คือ     นั่นคือการทำอาหารให้เค้าทานเป็นครั้งสุดท้าย
การจับมือกันครั้งแรก                   คือ     การจับมือครั้งสุดท้ายของพวกเขา





ช่วงแรก 

หนังจะพาเราไปรู้จักเอมิ ผ่านตัวละคร  ทะกะโตชิ  เราจะเห็นว่าเอมิงดงาม ละมุน แสนดี อ่อนหวานมากกกก มากจนไม่น่าเชื่อว่าจะมาหลงรักชอบพอผู้ชายอย่างทะกะโตชิได้ เราจะได้รู้สึกเลยว่าพระเอกมีความสุขแค่ไหนที่มีนางเอกเข้ามาในชีวิต ช่วงแรกที่เราดูเราจะรู้สึกแบบพระเอกที่รู้สึกประดักประเดิดในการแสดงออกของนางเอก  นางเอกขี้แยได้ทุกเรื่อง ร้องไห้เกือบตลอดเวลาที่อยู่กับพระเอก  แต่ก็นั่นแหล่ะช่วงโปรโมชั่นพระเอกเลยไม่สนใจตรงนี้สักเท่าไหร่กลับเห็นเป็นเรื่องปกติ คนดูอย่างเราก็เช่นกัน

พาร์ทนี้เราจะไม่ค่อยอินกะพระเอกสักเท่าไหร่ เพราะเรารู้สึกว่า พระเอกแม่งน่าม่อ โชคดีได้แฟนสวย แถมแสนดี อะไรๆมันดูดีดูง่ายจนพระเอกไม่พยายามอะไรเลย ....



ช่วงกลาง

หนังเริ่มเปิดเผยถึงที่มาของเอมิ จุดมุ่งหมาย  เป้าหมาย และโลกที่อยู่ข้างๆกัน ตอนนี้แหล่ะที่เราเริ่มอินในเนื้อเรื่องเพราะเอมิคนเดียว เอมิมาเพื่อมาเจอ
ทะกะโตชิ   มาเพื่ออยู่ด้วยกัน ใช้ชีวิตในช่วงนี้ด้วยกัน  เพราะฉะนั้นในช่วงแรกที่เราเห็นเอมิร้องไห้เกือบตลอดเวลานั้นเราจะมาเข้าใจในจุดนี้  ความแสนดี อ่อนหวานที่เราเห็นถูกบรรจงสร้างเพื่อความทรงจำที่ดีที่สุด เราจะเห็นความพยายามของเอมิที่ทำทุกวันให้ดีเพราะข้อจำกัดทางเวลา  และการระมัดระวังที่สุดที่จะไม่ให้มีเหตุการณ์
อะไรมาทำลายปัจจุบันที่เชื่อมโยงไปอนาคตได้ จนมันดูน่า....อึดอัด  และตรงนี้แหล่ะที่เราหันมาเห็นใจ
ทะกะโตชิ   เพราะถ้าเป็นเรา เราไม่รู้เลยว่าที่เอมิแสนดี ดูดี ขนาดนี้มาจากที่เป็นตัวตนจริงๆหรือเพราะความพยายามที่ไม่อยากเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์เรื่องราวของตัวเอง   เวลาเอมิจะทำอะไร ทุกอย่างต้องเหมือนในสมุดโน๊ตเป๊ะๆ  .... แต่ถึงกระนั้นพอเราเข้าใจการกระทำของนางเอก  เราก็รู้สึกเห็นใจจนน้ำตาแทบไหล

พาร์ทนี้เราชอบและเอ็นดูในตัวเอมิมาก  ต้องมีความพยายามแค่ไหน ถึงจะเข้าใจและทำใจให้ทุกอย่างหมุนไปตามครรลองของมันเพื่อที่จะไม่เปลี่ยนอนาคตหรืออดีต


ช่วงสุดท้าย

หนังพาเราเข้าใจ"โลกข้างๆกัน"มากขึ้น  และทำให้เราเข้าใจในความพยายามของเอมิ  จริงแล้วๆเอมิไม่ได้เดินทางจากอนาคต(พระเอก)เพื่อมามีความรัก แต่ทั้ง 
ทะกะโตชิ และ เอมิ คือพรหมลิขิตของกันและกัน  เมื่อตอนที่ ทะกะโตชิ อายุได้ 5 ขวบ เอมิที่อายุ 35 ปีได้เดินทางมาพบ ทะกะโตชิ  เป็นครั้งสุดท้าย และได้ช่วยชีวิตพระเอกไว้  เมื่อประตูมิติหมุนมาเจอกันในอีก 5 ปีต่อมา เอมิอายุ 30 ได้เดินทางมาหา ทะกะโตชิ  ในอายุ 10 ขวบเพื่อที่จะปูเรื่องราวให้ทั้งสองได้พบกันในอีก 10 ปีข้างหน้า  เอมิเดินทางมาที่โลกของเราทุกครั้งที่ครบรอบ 5 ปี เพื่อทำทุกอย่างให้เขา 2 คนได้รักกันในช่วงที่เหมาะสม


  รวมถึงพ่อพระเอกของเรา เมื่อเวลาผ่านไป 5 ปี เขาอายุ 25 ปีได้เดินทางไปรอเอมิในวัย 15 ปีที่มาเที่ยว(ครอบครัวของเอมินี่รู้สึกชื่นชอบโลกของเรามา มาทุกๆรอบเลย) พร้อมทั้งเล่าเรื่องต่างๆที่เกิดขึ้นให้ฟังอย่างละเอียด เพื่อที่เอมิ จะได้เดินทางมาหาเขาในอีก 5 ปีข้างหน้าเมื่อตอนที่เขาอายุ 20  และเมื่อตอนที่เขาอายุ 35 ปี เขาได้ช่วยชีวิตเอมิที่อายุ 5 ขวบจากการถูกระเบิดในงานเทศกาลและนั่นคือจุดเริ่มต้นความสัมพันธ์ระหว่างเขา 2 คน

งงใช่ไหม?....... ไปดูกันเอาเองเถิดนะ อาจจะเข้าใจได้ง่ายกว่า


ข้อขัดใจ

1. ในระหว่างที่ดูนั้น ในหนังไม่ได้บอกเลยว่า นางเอกมาจาก โลกข้างๆ ได้ยังไง และการกลับก่อนเที่ยงคืนจะมีผลยังไง และทำไมต้องกลับในเวลาเที่ยงคืน กลับยังไง ไปที่ไหน พักที่ไหน นอนยังไง ... นี่คือไม่มีคำตอบให้เลย ครั้นจะให้มองผ่านก็ทำได้แต่มันคาใจไง

2. ในหนังนั้น พระเอกพุ่งเข้าหานางเอกมาก เหมือนชายน่าม่อทั่วไปเวลาเจอสาวที่สวยถูกใจสักคน คือพระเอกตกหลุมรักนางเอกเพราะหน้าตา แถมระยะเวลาเวลาแค่ 30 วัน สำหรับเรามันคือช่วงโปรโมชั่น มันไม่มีเหตุผลอะไรที่จะซึ้งหรือเห็นใจในตัวพระเอกสักเท่าไหร่ ในหนังอ่อนตรงนี้

3. ขัดใจมากกกกกกกกกก เมื่อรู้ว่าเวลาความรักของ 2 คนมีขีดจำกัด แต่ทั้ง 2 คนใช้เวลาได้ไม่คุ้มเลย ไม่เต็มที่ ไม่อยู่กับปปัจจุบัน ในวันสุดท้ายของนางเอก แต่เป็นวันแรกที่เจอพระเอกนั้น ถ้าเป็นเรา เราจะทำทุกอย่างให้อยู่กับพระเอกได้นานที่สุด เก็บเกี่ยวให้มากที่สุด ก่อนที่พรุ่งนี้จะไม่ได้เจอเขาอีกแล้ว

4. ไม่เห็นความพยายามอะไรในตัวพระเอกเลยสักอย่าง  ทุกอย่างปล่อยไหลไปเท่านั้น

5. ทำไมเอมิไม่บอกให้
ทะกะโตชิ ซื้อล๊อตเตอร์รี่ รู้แหล่ะว่าอาจมีผลกับการเปลี่ยนแปลงอนาคต แต่บอกเลขที่ 2 ตัว 3 ตัวก็ได้นี่  นี่เป็น ทะกะโตชิ  จะแอบโกรธนะ  


ข้อถูกใจ

1. โซตะ นานะ คือความดีงามในเรื่องนี้ การแสดงที่สมูท สายตาห่วงหาที่เต็มไปด้วยความรักมันซึ้งใจจริงๆนะ แต่รู้สึกลึกๆว่าโซตะหล่อไปกับบทของ
ทะกะโตชิ 
2. คอสตูมดี
3.เพลงเพราะ


เพราะใช้เหตุผลในการดูหนังรักมากเกินไปเลยเป็นความผิดพลาดอย่างนึง

หนังดีนะ เล่าเรื่องได้ไม่งง และการแสดงที่ไหลลื่นทำให้อดยิ้มพร้อมน้ำตาที่หางตานิดๆ



.......................................................................................................................................................................





นส่วนของนิยายนั้น เราให้  8/10 

เพราะหนังสือไขข้อข้องใจ ไขความตะขิดตะขวงใจให้หมดเปลือก และเติมเต็มความรู้สึกที่หายไป เราเลยอินกับในหนังสือมากกว่าในส่วนของภาพยนต์  อ่านจบนี่ความอิ่มเอิบไหลวนในหัวใจ จนต้องปล่อยให้น้ำตาไหลออกมา

เรื่องราวเหมือนในหนังเลย เพียงแต่ฉบับนิยายนั้น  รอบเวลาที่ชนกันจะอยู่ที่ 40 วัน  สำหรับเราแล้ว 40 วันมันไม่มากหรือน้อยไป (30วันแบบในหนังทำให้เรารู้สึกถึงความพอดีแบบรอบเดือนเกินไป)   เราได้รู้ว่าประตูข้ามโลกนั้นอยู่ที่ไหน และการข้ามมาโลกเรานั้นข้ามาได้ยังไง นางเอกพักที่ไหน และทำไมต้องกลับก่อนเที่ยงคืน ทุกอย่างไขข้อข้องใจ เลยทำให้เราอินได้ไม่ยาก

ช่วงแรก

หนังสือยังคงเล่าผ่านมุมมองตัวละคร ทะกะโตชิ  อยู่เช่นกัน เพียงแต่เล่าพื้นเพนิสัยในการเป็นคนขี้อาย ไม่กล้า ขาดความมั่นใจและขี้วิตกกังวลของตัวพระเอก การเจอกันในรถไฟครั้งแรกนั้น ทะกะโตชิ ของเราไม่ได้พุ่งเข้าหาเอมิเลย แต่เป็นการแอบมองอยู่ไกลๆและนานๆ ไม่กล้าแม้แต่จะเฉียดไปใกล้  คิดมาก และกังวล

** นี่อ่านไปยังรำคาญไป ไม่ชอบผู้ชายในลักษณะนี้สักเท่าไหร่

จนกระทั่งคิดในใจว่า ถ้าเธอลงรถไฟป้ายหน้านี้ (หลังจากนั่งเลยป้ายไปไกลโข เพราะอยากแอบมองเอมินานๆ แต่ก็ยังไม่กล้าลงมืออะไร) เราจะเข้าไปคุย เพราะมันคือพรหมลิขิต และแน่นอนว่าเอมิลงสถานีนั้น พระเอกของเราถึงได้กล้าเข้าไปคุย และแน่นอนว่านั่นคือความตั้งใจของเอมิแต่แรก

เอมิในนิยายนั้น ฉลาด เข้มแข็ง เธอไม่ปล่อยให้เสียเวลาผ่านไปอย่างไร้ค่าแม้แต่นาทีเดียว ความสัมพันธ์ในวันแรกของพระเอกจึงรุดหน้าและลื่นไหล พระเอกของเราจะรู้สึกพิเศษบางอย่างอยู่เนืองๆเวลาอยู่กับนางเอก  เป็นความคุ้นตา ความรู้สึกผูกพันธ์  เราจะรู้สึกถึงความสุข ฉงนสงสัย  แปลกใจ ผ่าน
ทะกะโตชิ เช่นเดียวกัน 
ช่วงกลาง

ช่วงที่เอมิบอกความจริง ในหนังสือนั้นการบอกความจริงให้กับ
ทะกะโตชิ รับรู้นั้นมันจริงมาก คือการหายตัวไปต่อหน้านี่แหล่ะ เธอจะได้รู้ว่าฉันไม่ได้โกหก พร้อมทั้งสารพัดหลักฐานที่เตรียมมาอย่างดีและเราจะได้เริ่มต้นกันใหม่สร้างประวัติศาสตร์ไปพร้อมกัน  ในพาร์ทนี้ ในหนังสือกับในหนังไม่ต่างกันมาก ทั้งคู่พยายามทำทุกอย่างให้ดีที่สุด เพื่ออนาคต(หรืออดีต?) เราจะเข้าใจในตัวเอมิ  รับรู้ได้ถึงความรัก  ความเข้มแข็ง ความพยายาม และความเศร้าตลอดเวลา และสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดที่ ความทรงจำของทั้งคู่สวนเวลากัน แต่มันไม่สำคัญหรอก เพราะถ้าเรารักใครสักคน เราก็รักเค้าในตัวตนของเค้าอยู่ดี


" เพราะมีเหตุการณ์เหล่านั้น เราสองคนถึงได้มาเจอกันในตอนนี้ เราช่วยชีวิตซึ่งกันและกันที่ปลายแต่ละด้านของแกนเวลาที่เดินสวนทางกัน กลายเป็นเหตุและผลที่ไม่รุว่าสิ่งไหนเกิดขึ้นก่อนสิ่งไหนเกิดขึ้นทีหลัง ชะตาลิขิตแสนพิเศษทำให้เราได้มาเจอกันในตอนนี้ซึ่งเราทั้งคู่มีอายุ 20 ปี

เราทั้งสองถูกผูกพันกันอย่างลึกซึ้งด้วยอดีต ปัจจุบัน และอนาคตของกันและกัน และสิ่งที่เชื่อมเราไว้ทั้งคู่คือ พรหมลิขิต"


ช่วงสุดท้าย

ในหนังสือจะพาเราย้อนไปในอดีตของ
ทะกะโตชิ  ตอนเป็นเด็กอายุ 5 ขวบที่ถูกช่วยชีวิตจจากเอมิ  ตอนอายุ 10 ขวบที่เอมิมาให้กำลังใจในการใช้ชีวิต  ตอน 15 ที่เอมิโผล่มาดูอยู่ห่างๆ  เพราะฉะนั้นสำหรับทะกะโตชิ ในวัย 20 นั้นไม่ได้เพิ่งเจอหรือตกหลุมรักแรกพบเอมิ แต่เป็นความคุ้นตา คุ้นชินอยู่ในความทรงจำ 
ส่วนเอมิก็เช่นกัน การถูก
ทะกะโตชิ ช่วยชีวิตตอนอายุ 5 ขวบนั้น ทำให้เกิดรักแรกพบขึ้น มันตราตึง อบอุ่นในหัวใจ จนทำให้รบเร้าครอบครัวให้พามาเที่ยวที่โลกของเราทุกๆ 5 ปี  และการมาแต่ละครั้งการได้พบทะกะโตชิ ยิ่งสร้างความรัก ความเชื่อมั่นในตัวทะกะโตชิ มากขึ้นเรื่อยๆ จนเมื่อรู้ความจริงว่า ทะกะโตชิ  คือคนรักของตนในวัย 20  เอมิจึงวางแผนทุกอย่างให้ทุกอย่างออกมาเพอเฟคเพื่อความรักของเขา 2 คนจะดีที่สุด
**มาถึงตอนนี้เรารู้สึกได้ถึงการไม่ยุติธรรมเล็กๆว่า  เอมิรู้ทุกอย่าง เตรียมตัว เตรียมใจมาเป็นอย่างดี แต่
ทะกะโตชิ นั้นไม่รู้อะไรเลย ได้แต่ยอมรับทำใจเท่าทันในปัจจุบันเท่านั้น ..... มันโหดร้ายเกินไป


.................................................................................................

จู่ๆก็เกิดความสงสัยขึ้นมา

ชะตาลิขิตของทั้งสองคนที่เกิดขึ้นนี้ มันกลายเป็นมิติของเวลาอีกทอดนึงใช่หรือไม่  นั้นหมายความว่า ชีวิตของเขาทั้งสองคนจะไม่ได้สิ้นสุดลงแค่รอบเดียว แต่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีก วนแล้ววนอีก เป็นอสงขัยเวลา ไม่ว่าทะกะโตชิ จะเกิดอีกสักกี่รอบ ก็ต้องมีเอมิเข้ามาช่วยชีวิต กำหนดชีวิตให้ต้องเจอกันในวัย 20  อยู่ตลอด... 


          อย่างนี้เขาไม่เรียกพรหมลิขิตแล้วนะ ....เขาเรียกเอมิลิขิต

พอมาถึงตอนนี้กลายเป็นว่า ต่างคนต่างทำทุกอย่างเพื่อตัวเอง  กลายเป็นความเห็นแก่ตัว ความจมปลัก และห่วงรัดตัวเองไม่ให้ไปไหน .....

บางทีฉันก็คิดเยอะเกินความจำเป็นแฮะ  .....





ฉันว่าเพลงนี้เหมาะกะเรื่องนี้มาก เวลาที่เรารอให้มันหมุนมาเจอกันอีกครั้ง ....

Sunday, April 23, 2017

โอ้ใจเอ๋ย

เพราะความรักไม่เคยอยู่บนของความมีเหตุมีผล
เราเลยไม่สามารถคาดเดาความรู้สึกของใครด้วยเหตุผล


ฉันนั่งมองหญิงสาวยื่นดอกไม้ดอกหนึ่งให้แก่ชายหนุ่ม

" ฉันปลูกเองเลยนะ " หญิงสาวกล่าว
" ขอบคุณฮะ "        ชายหนุ่มตอบแต่ไม่เอื้อมมือมาหยิบดอกไม้นั้น


หญิงสาวยิ้มนั่งนิ่งยื่นดอกไม้ ชายหนุ่มยิ้มตอบพลางจิบกาแฟ
ทั้งสองตกอยู่ในความเงียบงัน
ไม่มีใครพูดอะไรกัน

................................

หญิงสาวถอนหายใจเสียงดัง ชายหนุ่มมองหน้า

" คุณเป็นอะไร " เขาถาม
" ฉันอึดอัด "  เธอตอบ

" ฉันไม่ชอบความเงียบแบบนี้  ฉันไม่ชอบที่คุณทำเป็นไม่รู้ว่าฉันชอบคุณ ฉันเบื่อที่จะต้องเรียกร้องความสนใจจากคุณ ฉันเกลียดตัวเองที่งี่เง่าโดยเฉพาะเรื่องของคุณ "  สารพัดความรู้สึกทางลบพรั่งพรูออกมาจากปากของหญิงสาว  

" ผมแค่ไม่รู้ว่าคุณชอบผม " เขาตอบ

และไม่มีใครพูดอะไรอีก  ความเงียบสงัดก็เข้ามาปกคลุมบรรยากาศ มันช่างน่าอึดอัด สักพักนึงทั้งสองคนก็เดินออกจากร้านไป

.................................

ฉันมองตามเงียบๆพลางฉุกคิดได้ว่า

" บางครั้งความเงียบมันช่างน่ารำคาญเสียจริงๆ "





Saturday, April 1, 2017

The Wailing

The Wailing (2016)




หนังว่าด้วยสัญชาตญาณ ความเชื่อ  ศรัทธา ผี และปิศาจ

เปิดเรื่องมาด้วยหมู่บ้าน Gokseong  มีเหตุฆาตรกรรมในหลายๆครอบครัวโดยคนที่อาศัยในบ้านเดียวกัน โดยฆาตรกรนั้นจะมีภาวะกึ่งๆซอมบี้ กึ่งๆผีดิบ  (แต่โดนกัดแล้วไม่ติดเชื้อนะ) ตำรวจได้ทำการปิดทุกเคสว่า เป็นเพราะเห็ดพิษ ทำให้คนกินเข้าไปแล้วคลุ้มคลั่ง วิกลจริต





พระเอก (จงกู) เป็นตำรวจประจำโรงพักเล็กๆในหมู่บ้านนี้ได้ยินเสียงล่ำลือมาว่า เหตุการณ์ที่เกิดชึ้นทั้งหมด เกิดขึ้นตั้งแต่มีชายแก่ชาวญี่ปุ่นย้ายมาอยู่ในป่าท้ายหมู่บ้าน บ้างก็ว่า เคยเห็นชายแก่ใส่ผ้าเตี่ยวกินศพกวางดิบๆ บ้างก็ว่าชายแก่ข่มชืนหญิงสาว  บ้างก็ว่าชายแก่เป็นปิศาจตาสีแดง

ทีแรกก็ไม่เชื่อ แต่พอฟังบ่อย ฝันเห็นบ่อยๆเข้าเลยเริ่มกลัว


โดยในระหว่างนั้นจงกูก็ได้พบกับหญิงสาวชุดขาวที่อ้างว่าเห็นเหตุฆาตกรรมครั้งล่าสุดและบอกเขาว่าชายแก่ชาวญี่ปุ่นคนนั้นคือผีที่ดูดเลือดและฆ่าคน หญิงสาวเตือนจงกูให้ระวังตัวเพราะถ้าเขาเห็นชายแก่นี้บ่อยๆแสงว่าเขากำลังถูกชายแก่คนนี้ติดตาม 





ประกอบกับโฮยจิน ลูกสาวคนเดียวของเขาล้มป่วยมีอาการแปลกๆและปักใจว่าลูกสาวสุดที่รักถูกผีเข้าแน่ๆ เพราะความรักลูกเลยต้องสืบหาความจริง  และทำทุกวิถีทางเพื่อปกป้องลูกและครอบครัวสุดที่รัก

เล่าแค่นี้เดี๋ยวไม่ลุ้น
..............................................................................................................................

ความรู้สึกของเรา


เราว่าหนังเรื่องนี้ดีนะ ดีตรงที่มนุษย์ในเรื่องเป็นมนุษย์ธรรมดาทั่วไปจริงๆ ไม่ได้มีอภินิหาริย์อะไรที่จะไปสู้กับปิศาจได้ นอกจากใจล้วนๆ+ความรักที่มีให้กับลูกเท่านั้น

เป็นหนังผีที่ไม่มีผีตุ้งแช่ ไม่มีชาวด์อะไรให้สะดุ้ง แต่ความน่ากลัวอยู่ที่บรรยากาศ และอินกับความพยายามของพระเอกที่จะช่วยลูกให้ได้

เวลาดูก็พยายามอย่าไปมีเหตุผลจับผิดอะไรมากนะ ปล่อยไปตามสัญชาตญาณของเรานี่แหล่ะ หนังค่อนข้างเก็บดีเทลได้ดี ถ้าสังเกตหนังก็บอกใบ้อยู่เนืองๆ

ดีนะ อยากให้ดู

อย่าไปอ่านสปอยล์ก่อนดูเหมือนเรานะ เดี๋ยวจะเซ็งเหมือนเรา / เราเตือนคุณแล้ว

................................................................................................................................

คำชื่นชม


หนังแสดงทุกคนในเรื่องแสดงดีมากกกกกกกกกกก โดยเฉพาะน้องลูกสาวที่แสดงให้เราเชื่อว่าถูกผีเข้าสิงจริงๆ การเล่นกับร่างกายตัวเองได้ขนาดนี้ในวัยเท่านี้ เราโอเคมาก

คุณพ่อที่เป็นพระเอกนั้นเล่นดีอยู่แล้ว เชื่อในความรักที่ของพ่อที่มีต่อลูกสาวเลยจริงๆ

ลุงปิศาจ ตอนที่ลุงตกหน้าผานี่ ทำเอาน่าเห็นใจเชียวแหล่ะ

น้องนักบวช  สงสารรรรรรร

คอสตูมดี

ฉากดี

เทคนิคการแต่งหน้าดี

ตัวประกอบทุกคนดี

คือดีไปหมด ไม่มีอะไรให้ขัดหูขัดตาเลยแม้แต่น้อย นอกจากยัยชุดขาวที่หน้าตาดีเกินไป

อิกนิด

ถ้ามีความรู้เกี่ยวกับไบเบิ้ลสักนิด จะเข้าใจเรื่องนี้ได้ไม่ยากเพราะในหนังได้ใส่เกร็ดเล็กน้อยๆขอไบเบิ้ลลงไปพอสมควร  แต่ถ้าไม่มีเลย ก็ดูได้ไม่เป็นอุปสรรคแต่ประการใด

..................................................................................................................................




Saturday, January 7, 2017

I miss you






ฉันคิดถึงคุณ...

คุณน่ะเหรอจะคิดถึงผม?

ทำไมคะ?

เพราะผมไม่เคยคิดถึงคุณน่ะสิ

คุณนี่แปลกจัง....

ยังไง?

เพราะนั่นคือปัญหาของคุณ คุณไม่คิดถึงฉันมันก็เป็นเรื่องของคุณ ฉันคิดถึงคุณมันก็เป็นเรื่องของฉัน....เท่านั้นเอง

....
....
....

นั่นสินะ

2017

Welcome to 2017

เวลาผ่านไปไวโดยเฉพาะช่วงที่เรามีความสุข
แต่ในทางตรงกันข้าม เวลาจะเดินช้าอย่างยิ่งยวดถ้าเราทุกข์
แต่ไม่ว่าจะทุกข์หรือสุข เพียงแค่เราลืมตาอยู่
....เวลาก็เดินผ่านไปตาม -หน้าที่-ของมัน....

ฉันไม่ค่อยชอบปีที่แล้วเท่าไหร่นัก
สิ่งต่างๆที่ฉันไม่คิดว่ามันจะรับมือไม่ไหวได้เกิดขึ้นมากมาย
ฉันกลายเป็นคนอ่อนแอ อ่อนไหว
ร้องไห้ฟูมฟายโดยไม่จำเป็น
แต่ก็นั่นแหล่ะ เมื่อเวลาได้ทำหน้าที่ของมัน
ฉันก็ผ่านมาได้และยิ้มได้อีกครั้ง

ปีนี้ฉันหวังเป็นอย่างยิ่ง
ว่าฉันจะมีสติ
เลิกฟูมฟาย
ใจเย็น
เป็นคนดี
ตั้งใจ
เลิกมองโลกในแง่ร้าย
เลิกฟุ้งซ่าน
โฟกัสอนาคตตัวเอง
ออกกำลังให้มากขึ้น
รักตัวเองให้มากขึ้น
หยุดมโนในความสัมพันธ์ที่ไม่มีจริง


ไม่รู้จะทำได้แค่ไหน แต่จะพยายามให้มากที่สุด

หวังว่าปีนี้ เธอคงไม่ร้ายกับฉันสักเท่าไหร่นะ

ปู

Kitchen for single

วันนี้มาแนะนำซีรีย์สั้นๆ  Kitchen for single ค่ะ  มี 12 ตอน ตอนละ 8-9 นาที  เป็นเรื่องราวของสาวน้อยคนนึงที่อาศัยในห้องพักขนาดเล็ก ที่มีครัวเ...