จนถึงวันนี้ ร่วม 2 ปีกว่าแล้วที่โควิดเข้ามาระบาดทั่วโลก สิ่งที่ไม่เคยคิดว่าจะเกิดขึ้นจริงก็ได้เกิดปานใช้ชีวิตอยู่ในหนังไซไฟโรคระบาดล้างโลก การใช้ชีวิตแบบไม่เกรงกลัวอะไรก็กลับกลายมาระวังมากขึ้น กลัวว่าตนเองเป็นอะไรไปแมวจะอยู่อย่างไร
ฉีดวัคซีนเข็ม 3 ไปเมื่อวานนี้อย่างทุลักทุเล ไปผิดที่ 1 ไปแล้วหมดเวลาหมอลากลับบ้าน 1 ต้องขับรถฝ่าจราจรท่ามกลางอุณภูมิที่สูงในฤดูหนาวไปฉีดอีกที่ ดีหน่อยคนไม่เยอะ นั่งรอไม่นานก็ฉีดเสร็จ
ระหว่างที่นั่งพักก็เกิดอาการหน้ามืด แต่คิดเอาเองว่าไข้แดด ไม่เป็นไรฝืนสังขารเดินร้านหนังสือสักหน่อย นานๆเดินห้างที คิดเอาไว้ว่าจะหอบหนังสือกลับแน่ๆ ท้ายสุดกลับไม่เป็นไปอย่างที่คิด อาจด้วยใจห่อเหี่ยวเราเลยกลับบ้านมือเปล่าทั้งที่วนอยู่ในนั้นเกือบ 2 ชั่วโมง
ระหว่างที่ก้มๆลกๆรู้สึกใจสั่น หน้ามืด ใจคอไม่ดีเลยรีบขับรถกลับบ้าน ถึงบ้านแล้วค่อยเบาใจ นอนให้หายมึนหัว อาการปวดเริ่มลามไปทั้งแขน เขาบอกว่าเข็มไฟเซอร์นี้จะฉีดเข้าลึกถึงกล้ามเนื้อเลยปวดมากกว่า 2 เข็มแรก ไม่เป็นไร นอนสักคืนก็หาย
ตื่นเช้ามามีการบ้านหมุนเลยลางานนอนพักอยู่บ้าน เที่ยงเดินไปทานข้าวบ้านอีฟ กลับมานอนพักสักพักรู้สึกตัวรุมๆ ตกเย็นมามีไข้ขึ้น
งือออออ ไม่ชอบเลย อาการครั่นเนื้อครั่นตัว ร้อนวูบวาบ เลยตื่นมาเช็ดตัวให้ดีขึ้น พยุงตัวเองโซซัดโซเซเดินลงไปหาน้ำกิน ตกบันไดไป 2 ขั้น ขาเขียวช้ำอีกแล้ว
ไม่บ่อยนักที่รู้สึกว่ามีใครสักคนดูแลตอนเจ็บไข้คงจะดี
โชคดีที่มีลิซคอยนอนเป็นเพื่อนอยู่ข้างๆ อย่างน้อยก็ไม่รู้สึกโดดเดี่ยวเกินไป
คงต้องหันมาออกกำลังกายจริงจัง พักหลังมานี้บ้านหมุนถี่ขึ้นจนเริ่มกลัว